ดัชนีหุ้นไทยภาคเช้าร่วงกว่า 10 จุด ตามตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับลดลง หลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% พร้อมกับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐทั้งในปีนี้และปีหน้า ทำให้ตลาดกังวลเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว กดดันให้มีแรงขายออกมาในหุ้นขนาดใหญ่ต่อเนื่อง นำโดยกลุ่มแบงก์และพลังงาน
เมื่อเวลา 10.29 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,591.07 จุด ลดลง 10.05 จุด (-0.63%)
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.51 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,590.98 จุด ลดลง 10.14 จุด (-0.63%)
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวผิดคาดว่าอาจจะรีบาวด์ได้ระยะสั้น หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด และได้ชะลอการปรับดอกเบี้ยในปีหน้าเหลือเพียง 2 ครั้งจากคาดการณ์เดิม 3 ครั้ง แต่ตลาดก็ปรับลดลงทันทีตั้งแต่เปิดทำการ เนื่องจากบรรยากาศข้างนอกไม่ดีเพราะตลาดมีความกังวลต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง หลังจากที่จีนและสหรัฐ ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้าลง ทำให้ตลาดมองว่าการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าที่คาดการณ์ในปีหน้านั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก โดยเฟดยังได้ลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 61 และปี 62 ลงด้วย
ทั้งนี้ ภาพรวมการลงทุนช่วงนี้นักลงทุนต่างประเทศน่าจะชะลอการลงทุนเพราะเข้าใกล้ช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ขณะที่กองทุนในประเทศน่าจะยังคงมีบทบาทหลักต่อการลงทุนในช่วงนี้ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังต่อการเข้าซื้อของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ในช่วงปลายปีมากนัก เพราะตลาดหุ้นไทยปรับลดลงหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนบางส่วนทยอยเข้าซื้อ LTF สะสมไว้บ้างแล้ว
สำหรับแนวรับระยะต่อไปมองไว้ที่ 1,580 จุด และแนวต้านที่ 1,600 จุด