ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดร่วงลงในวันนี้ (15 ม.ค.) เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชีย โดยความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายหุ้น
การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อคืนที่ผ่านมาไม่สามารถดึงตลาดหุ้นสิงคโปร์ให้ปรับตัวขึ้นตามไปได้ โดยช่วงขาขึ้นในตลาดช่วงเช้าถูกแรงเทขายทำกำไรเข้าสกัด หลังมีรายงานว่าธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งของสหรัฐอาจเปิดเผยหนี้สูญเพิ่มเติมจากวิกฤติซับไพรม์ และอาจมีการอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติมเข้าสู่ธนาคาร
เมอร์ริลล์ ลินช์, ซิตี้ กรุ๊ป และ เจพี มอร์แกน เชส มีกำหนดเปิดเผยรายงานผลประกอบการณ์รายไตรมาสในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าสถาบันการเงินดังกล่าวจะขาดทุนเพิ่มขึ้นจากวิกฤติซับไพรม์
"ดูเหมือนว่าผลกระทบจากวิกฤติซับไพรม์ที่มีต่อผลประกอบการของธนาคารจะย่ำแย่กว่าที่คิด แม้เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจก็ตาม" นาจี๊บ จาร์ฮอม หัวหน้านักวิจัยจาก Fraser Securities กล่าว
"ตลาดอาจตีความการกระทำของเฟดว่าเป็นเพียงมาตรการในระยะสั้น ซึ่งไม่อาจช่วยยับยั้งมิให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ เห็นได้ชัดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนหน้านี้แทบไม่ส่งผลในแง่บวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ"
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ปรับลดลง 63.56 จุด หรือ 2.0% ปิดที่ 3,154.58 จุด หลังเคลื่อนไหวในกรอบ 3,152.66 และ 3,266.20 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 2.0 พันล้านหุ้น มูลค่า 2.3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์
หุ้นสิงคโปร์ เอ็กซ์เชงจ์ ร่วง 76 เซนต์ ก่อนที่จะมีการเปิดเผยผลประกอบการณ์ไตรมาส 2 สิ้นสุดที่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ในช่วงหลังปิดตลาด
หุ้นสิงคโปร์ เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ ขยับลง 3 เซนต์, หุ้นคอสโค คอร์ป สิงคโปร์ ปรับลดลง 15 เซนต์ และ หุ้นเคปเพล คอร์ป ร่วง 40 เซนต์
หุ้นสิงคโปร์ เพรสส์ โฮลดิงส์ ลดลง 12 เซนต์ หลังผลประกอบการณ์ไตรมาสแรกสิ้นสุดเดือนพ.ย.ออกมาน่าผิดหวัง
หุ้นกลุ่มธนาคารก็ยังปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นดีบีเอส กรุ๊ป ร่วง 42 เซนต์, หุ้นโอซีบีซี ลดลง 13 เซนต์ และ หุ้นยูโอบี ร่วง 66 เซนต์
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็ปรับลดลงเช่นกัน โดยหุ้นซิตี้ เดเวลอปเมนท์ ลดลง 14 เซนต์, หุ้นแคปปิตอล แลนด์ ลดลง 13 เซนต์ และ หุ้นเคปเพลแลนด์ ลดลง 10 เซนต์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--