นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 62 เติบโตเป็น 2,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 6,360 ล้านบาท คาดจะทยอยรับรู้รายได้ในปีหน้าราว 1,200 ล้านบาท และอยู่ระหว่างรอเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีก โดยจะมุ่งเน้นไปยังงานของหน่วยงานราชการ รวมถึงภาคเอกชนด้วย โดยมองเทรนด์ในปีหน้ายังเป็นช่วงของการลงทุนเกี่ยวกับการสื่อสารในยุคดิจิทัล ซึ่งน่าจะมีงานออกมาเป็นจำนวนมาก "ธุรกิจให้บริการติดตั้งโครงข่ายมีแนวโน้มเติบโตไปตามเทรนด์ 4G และ 5G จากการที่ผู้ให้บริการมือถือมีการขยายโครงข่าย โดย ITEL เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ที่ติดตั้งโครงข่าย ให้กับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำ การเกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะ 5G ที่กำลังจะมา จะทำให้เกิดการเชื่อมต่อจากการใช้งาน IOT ต่างๆ ปริมาณข้อมูลคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จะเป็นผลบวกกับบริษัทเรา" นายณัฐนัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายภายใน 3-5 ปี (ปี 62-66) จะมีรายได้ต้องเติบโตประมาณ 40% ต่อปี ขณะที่อัตรากำไรสุทธิต้องการจะเติบโตให้ได้ 20% ภายในปี 64 โดยมาจาก 3 ธุรกิจหลักประกอบด้วย ธุรกิจบริการโครงข่ายเชื่อมข้อมูลหรือดาต้า เซอร์วิส เติบโต 20-30% ต่อปี โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเป็น 60-70% ของรายได้รวม ซึ่งในปีนี้ก็ได้ขยายฐานลูกค้าเพิ่ม เช่น ปั๊มน้ำมันซัสโก้, อิออน, เงินติดล้อ, เมืองไทยลิสซิ่ง และภาครัฐ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, การประปาส่วนภูมิภาค เป็นต้น จากปัจจุบันที่มีฐานลูกค้าทั้งจากหน่วยงานรัฐและเอกชน ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า, โรงภาพยนตร์, โรงพยาบาล, ปั๊มน้ำมัน และผู้ให้บริการมือถือ
นอกจากนี้ธุรกิจบริการติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคม มีการเติบโตไปตาม 4G และ 5G เนื่องจากยังอยู่ในเทรนด์ที่ผู้ให้บริการมือถือ หรือโอเปอเรเตอร์ มีการขยายโครงข่าย ซึ่งบริษัทฯ เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ที่ติดตั้งลูกค้า เช่น ทรู และเอไอเอส ส่วนธุรกิจบริการดาต้า เซ็นเตอร์ ปัจจุบันมีอยู่ 2 แห่ง แห่งแรกให้บริการครบ 95% ส่วนแห่งที่ 2 มีจำนวน 624 แร็ค คาดภายในสิ้นปี 61 จะมีผู้ใช้บริการ 50-60% และในปี 62 ตั้งเป้าให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์เพิ่มขึ้น โดยจะมุ่งเน้นไปยังกลุ่มธนาคารและหน่วยงานภาครัฐ
พร้อมกันนี้บริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อร่วมลงทุน (JV) ในดาต้า เซ็นเตอร์ แห่งที่ 2 โดยทางพันธมิตรต่างประเทศจะเข้ามาช่วยหาลูกค้าชาวต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ดังกล่าว คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ในช่วงเดือนก.พ.62
"ตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นไปจะเห็นแผนกลยุทธ์ของอินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม ในเชิงรุกมากขึ้น โดยจะสร้างมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ บริหารต้นทุนให้สามารถแข่งขันได้และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยจะให้ความสำคัญกับธุรกิจแบบครบวงจร รวมถึงการค้นหาธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัทและสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน"นายณัฐนัย กล่าว
นายณัฐนัย กล่าวว่า สำหรับปี 61 บริษัทฯ ได้มีการปรับเพิ่มรายได้เป็น 1,600 ล้านบาท หรือเติบโตมากกว่า 40% จากปีก่อน จากเดิมที่คาดจะอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทในงวด 9 เดือนของปี 61 มีรายได้อยู่ที่ 1,281.89 ล้านบาท และยังได้รับงานโครงการ USO เฟส 2 เพิ่มเติมเข้ามาอีก ทำให้ผลประกอบการในปี 61 น่าจะเติบโตเกินเป้าหมายที่วางไว้
อนึ่ง บริษัทฯ ได้รับงานโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) จำนวน 15,732 หมู่บ้าน หรือ USO 2 โดยประกอบไปด้วยสัญญากลุ่มที่ 6 ภาคกลาง 1 ซึ่งเข้าประมูลในนามคอนโซเตียมกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และสัญญากลุ่มที่ 8 ภาคใต้ ซึ่งเข้าประมูลในนาม ITEL มูลค่ารวมกันกว่า 3,560 ล้านบาท โดยสัญญาโครงการ USO เฟส 2 ดังกล่าวมีระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้นประมาณ 6 ปี โดยในปีแรกจะต้องดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จ คิดเป็น 40% ของมูลค่างานทั้งหมด และให้บริการต่อเนื่องไปเป็นระยะเวลา 5 ปีภายหลังส่งมอบ
ล่าสุดยังได้รับงานจาก บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส ในการซ่อมบำรุงโครงข่าย มูลค่า 100 ล้านบาท รวมถึงงานของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในการดูแลมิเตอร์ไฟฟ้า มูลค่า 200 ล้านบาท ส่งผลทำให้งานในมือ (Backlog) ของบริษัทฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 6,360 ล้านบาท จากเดิมที่อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังรอลุ้นผลการเข้าประมูลงานของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ที่คาดจะประกาศผลผู้ชนะประมูลในวันนี้ ซึ่ง ITEL ก็คาดหวังจะได้รับงานดังกล่าว