สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (17 - 21 ธันวาคม 2561) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 347,634.94 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 69,526.99 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 6% ทั้งนี้เมื่อแยกตาม ประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 71% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 246,869 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการ ซื้อขายเท่ากับ 78,765 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 10,762 ล้านบาท หรือคิดเป็น 23% และ 3% ของมูลค่าการซื้อขาย ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB23DA (อายุ 5.0 ปี) LB226A (อายุ 3.5 ปี) และ LB28DA (อายุ 10.0 ปี) โดยมีมูลค่า การซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 20,365 ล้านบาท 10,950 ล้านบาท และ 7,290 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) รุ่น CPALL198C (A-(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 658 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) รุ่น BJC199A (A+) มูลค่าการซื้อขาย 593 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รุ่น BTSC19NA (A) มูลค่าการซื้อขาย 503 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลค่อนข้างผันผวนโดย Yield ในตราสารระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้น 4-21 bps. เป็นผลมาจากประชุม กนง. เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 61 มีมติปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.75%% พร้อมทั้งปรับลดประมาณการ GDP ปี 2561 จากเดิมขยายตัว 4.4% มาอยู่ระดับ 4.2% และปี 2562 จากเดิมขยายตัว 4.2% มา อยู่ที่ระดับ 4.0% เนื่องจากมีการปรับลดคาดการณ์ตัวเลขส่งออก ประกอบกับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อวันที่ 18- 19 ธ.ค. 61 มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 2.25-2.50% และปรับลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเหลือเพียง 2 ครั้ง จากเดิมที่คาดว่าจะขึ้น 3 ครั้ง ขณะที่ Yield ในตราสารระยะยาว ปรับลดลง 2-17 bps ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนมีความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า ซึ่งกดดันให้ US Treasury Yield รวมถึง Bond Yield ทั่วโลกปรับตัวลด ลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ตลาดติดตามรายงานตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 3/2561 ของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์ (21 ธ.ค. 2561)
สัปดาห์ที่ผ่านมา (17 ธ.ค. – 21 ธ.ค. 2561) มีกระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 6,070 ล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ ระยะสั้น (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 199 ล้านบาท และขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (อายุมากกว่า 1 ปี) 4,751 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ (Expired) 1,120 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (17 - 21 ธ.ค. 61) (11 - 14 ธ.ค. 61) (%) (1 ม.ค. - 21 ธ.ค. 61) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 347,634.94 329,014.60 5.66% 19,027,554.93 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 69,526.99 82,253.65 -15.47% 79,281.48 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 105.38 105.65 -0.26% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price index) 104.17 104.04 0.12% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (21 ธ.ค. 61) 1.48 1.68 1.76 1.93 2.21 2.51 2.93 3.3 สัปดาห์ก่อนหน้า (14 ธ.ค. 61) 1.27 1.56 1.72 1.95 2.28 2.68 3.08 3.32 เปลี่ยนแปลง (basis point) 21 12 4 -2 -7 -17 -15 -2