บล.เออีซี (AEC) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปี 61 แกว่งตัวในกรอบ 1,577-1,626 จุด จากความกังวลปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งผลกระทบของสงครามการค้า แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นของทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บวกกับราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง
สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่ตลาดยังจับตาดู ภายหลังสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะปิดหน่วยงานรัฐชั่วคราว หลังพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ไม่สามารถตกลงร่างงบประมาณชั่วคราวได้ทันตามกำหนด เนื่องจากข้อขัดแย้งต่อการเพิ่มงบประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สำหรับโครงการสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโกของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ส่งผลกระทบต่อพนักงานรัฐฯ กว่า 800,000 คน ซึ่งแม้จากข้อมูลในอดีตภาวะปิดหน่วยงานหากมีระยะเวลาไม่นานนัก (1-5 วัน) จะมีผลกระทบที่ไม่มาก แต่จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากหน่วยงานรัฐฯ ปิดดำเนินการเป็นเวลานาน ขณะที่เมือ่ปี 54 มีการปิดหน่วยงาน 20 วัน กระทบต่อดัชนีดาวโจนส์ปรับลดลง 1.7%
ดังนั้น จึงแนะนำให้นักลงทุนรอติดตามการเจรจาครั้งถัดไปของวุฒิสภาในวันที่ 27 ธ.ค. เพื่อประเมินผลกระทบอีกครั้ง เพราะฝั่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแรงกดดันที่จะต้องผลักดันนโยบายดังกล่าวให้ได้ภายในปีนี้ ก่อนที่พรรคเดโมแครตจะได้เสียงข้างมากในวุฒิสภาซึ่งจะทำให้การเสนอนโยบายดังกล่าวเป็นไปได้ยากขึ้น
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบมองว่า Downside เริ่มจำกัด และมีโอกาสที่จะฟื้นตัวในช่วงต้นปี 2562 หนุนด้วยกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอนโอเปก ที่จะเริ่มลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน แต่หาก Compliance Rate ที่เกิดขึ้นจริงไม่เป็นไปตามเป้าจะทำให้ราคาน้ำมันดิบกลับมาปรับลง
นอกจากนี้ตลาดยังมีความกังวลของตลาดส่งออกไทยที่อาจจะหดตัวจากผลกระทบของสงครามการค้า, แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นของทั้งเฟด และธปท. บวกกับราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลงต่อเนื่องจากดีมานด์ ที่ลดลงสวนทางกับซัพพลาย ที่เพิ่มขึ้น และเชื่อว่าดัชนีจะยืนเหนือแนวรับในโซน 1,575-1,580 จุดจนถึงสิ้นปีนี้ ด้วยแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน
พร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุนทยอยสะสมหุ้น Domestic Play ขนาดกลาง-ใหญ่ 3 กลุ่มหลักที่ยังมีปัจจัยหนุนเฉพาะกลุ่ม ดังนี้ 1. กลุ่มสื่อ แนะนำ PLANB, VGI, MAJOR 2. กลุ่มค้าปลีก แนะนำ ROBINS, CPN 3. กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แนะนำ AMATA, WHA