นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อาม่า มารีน (AMA) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทวางเป้าหมายการดำเนินงานในปี 62 โดยรายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ เตรียมเพิ่มรถขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ 30 คัน จากปีนี้ 150 คัน นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาทางบมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ก็ได้หยุดการขยายกองรถเอง บริษัทจึงเตรียมเสนอราคาการให้บริการขนส่งน้ำมันจากคลังสู่สถานีบริการน้ำมัน จากเดิมที่รับเฉพาะงานขนส่งจากคลังสู่คลังเท่านั้น เบื้องต้นคาดจัดหาบรรทุกขนส่งน้ำมันขนาดเล็กราว 20-30 คัน และยังศึกษารับขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพิ่มเติมด้วยคาดข้อสรุปภายในไตรมาส 1/62
ในส่วนการขยายกองเรือนั้น บริษัทวางเป้าหมายเพิ่มเรืออีก 1 ลำ น้ำหนักบรรทุก 13,000-15,000 เดทเวทตัน ด้วยงบลงทุนราว 10-12 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังต้องติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสม รวมถึงประเมินความต้องการใช้ของลูกค้าด้วย
ขณะที่แผนการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาอยู่ 1-2 ราย ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจน 1 ราย ภายในช่วงต้นปี 62 และกระบวนการต่าง ๆ จะแล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาส 1/62 โดยบริษัทที่อยู่ระหว่างเจรจานั้นประกอบธุรกิจขนส่งเกี่ยวกับสารเคมี และวัสดุก่อสร้าง แหล่งเงินทุนได้เตรียมไว้ทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ 0.85 เท่า และยังมีเงินสดในมืออีกราว 300-400 ล้านบาท
"ก่อนหน้านี้เราก็ได้มีการเจรจาเพื่อที่จะเข้าซื้อกิจการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเข้าซื้อกิจการนั้นต้องมีความละเอียดอ่อนและใช้เวลา ซึ่งบริษัทเราไม่ใช่บริษัทที่ใหญ่จะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังมากกว่าบริษัทอื่น ส่วนแผนการดำเนินงานนั้นเบื้องต้นเราก็เสนอบอร์ดไปแล้ว แต่แผนการดำเนินงานก็มีการปรับเปลี่ยนได้ตลอดเพราะด้วยเศรษฐกิจที่มีความผันผวน และมีตัวแปรเยอะ แต่เราขอยืนยันว่าเรายังมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อให้ประสบความสำเร็จ และมีอัตรากำไรสุทธิที่มากขึ้น"นายพิศาล กล่าว
นายพิศาล กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานใน 3 ปีข้างหน้านี้ บริษัทจะเน้นการเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับระบบโลจิสติกส์ ไม่ว่าจะเป็นคลังสินค้า ระบบการจัดการการขนส่ง โดยบริษัทจะเน้นในธุรกิจที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ จะไม่แตกไลน์ไปในธุรกิจที่ไม่มีความชำนาญ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ได้มีการศึกษาและเจรจากับพันธมิตรหลายราย รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ในการต่อยอดธุรกิจใหม่ ๆ ด้วย
สำหรับภาพรวมผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/61 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการเดินทางท่องเที่ยว ส่งผลให้มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น หนุนธุรกิจขนส่งสินค้าทางรถที่ดำเนินงานโดยบริษัท เอ เอ็ม เอ โลจิสติกส์ (AMAL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยปรับตัวดีขึ้น โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาอัตราการใช้รถบรรทุกน้ำมันอยู่ที่ราว 70% แต่ในช่วงไตรมาส 4/61 อัตราการใช้รถบรรทุกน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 85%
ขณะที่การขนส่งทางเรือที่ปัจจุบันบริษัทมีเรือทั้งหมด 11 ลำ น้ำหนักบรรทุกรวม 96,202 เดทเวทตัน โดยความต้องการขนส่งน้ำมันปาล์มที่เป็นสินค้าหลักยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ เส้นทาง ส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาอัตราการใช้เรืออยู่ที่ราว 95% ได้อย่างต่อเนื่อง
"ปีนี้เราคงต้องยอมรับว่าเป็นปีที่ลำบากของเรา ซึ่งเราได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ช่วงต้นปีเลยไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันอย่างรวดเร็ว ทำให้เราไม่สามารถปรับค่าบริการได้ทันกับต้นทุนที่สูงขึ้น นอกจากนี้ค่าเงินบาทก็แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย แต่อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส 4/61 ถือว่าเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีเพราะทุก ๆ อย่างเริ่มนิ่ง และอยู่ในทิศทางที่ดี โดยทั้งปีเราคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะดีกว่า 9 เดือนแรกที่ผ่านมาที่อยู่ระดับ 3.84%"นายพิศาล กล่าว
AMA แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/61 มีกำไรสุทธิ 21.67 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 54.06 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.10 บาท ขณะที่างวด 9 เดือนแรกของปี 61 มีกำไรสุทธิ 49.16 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 163.56 ล้านบาท
https://youtu.be/bdnKUP5aEIY