การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 น.ของวันนี้ โดยมีจำนวนผู้ถือหุ้นเข้าร่วม 738 คน รวมจำนวนหุ้น 689 ล้านหุ้น คิดเป็น 34.61% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด ซึ่งในระหว่างการประชุม นพ.วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IFEC ลุกชึ้นซักถามแต่ถูกบล็อกไว้
IFEC มีวาระประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 เพื่อพิจารณาแต่งตั้งกรรมการที่ว่างลง 7 ตำแหน่ง ซึ่งทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แจ้งเตือนขอให้ผู้ถือหุ้นศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เพราะ กรรมการใหม่ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้ IFEC มีกรรมการเพียงพอเพื่อให้ IFEC สามารถเดินหน้าแก้ไขปัญหาที่กำลังประสบอยู่ เช่น ภาระหนี้สิน การส่งงบการเงิน และการแต่งตั้งผู้สอบบัญชี
ในการประชุมวันนี้ นายยอภิศักดิ์ เทพผดุงพร หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ IFEC จากกลุ่มเทพผดุงพร หรือกลุ่มกะทิชาวเกาะ ได้เสนอรายชื่อบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการใหม่ 7 คน ได้แก่ นายชานนท์ โชติวิจิตร , นายนันทพล กาญจนวัฒน์ , พล.อ.สุรินทร์ แพโต, นายไพโรจน์ อาชารุ่งโรจน์, นายหัฎฐจิต หนุนภักดี, นายอัจจ์นกฤศ (ประยูร) ดำรงชิตานนท์ และนายสินาถ ประคุณหังสิต
พร้อมทั้งแสดงวิสัยทัศน์ต่อผู้ถือหุ้นว่า สิ่งแรกที่จะเข้ามาดำเนินการ คือ การปลดเครื่องหมาย SP ในระยะเวลา 5 เดือน โดยจะสรรหาผู้สอบบัญชีอนุญาตมาเร่งปิดงบการเงินของบริษัทลูกในงวดปี 60-61 ภายใน 2 เดือน จัดทำงบรวมของปี 60-61 ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน โดยหลังจากปลด SP ได้แล้วจะทำให้ราคาหุ้น IFEC เคลื่อนไหวที่ 2.50 บาท โดยจะปรับงบปี 61 ให้มีสถานะดีขึ้นเป็นบวก หรือไม่ติดลบ
นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างหนี้ปฏิเสธการเข้าสู่กระบวนการเข้าระบบศาล ฟื้นฟู การครอบงำกิจการ ใช้ระยะเวลา 2 เดือน ทั้งนี้จะปรับเปลี่ยนจากหนี้ระยะสั้นและอยู่ในคดีฟ้องร้องกลับมาเป็นหนี้ปกติ และเป็นหนี้ระยะยาว 5 ปี โดยมีวิธีการชำระเป็นระบบขั้นบันได และ Bolloon Payment มีการชดใช้เงินต้นและดอกเบี้ยก่อน 25-28% โดยขายทรัพย์สินบางตัวออกไป ทั้งนี้ ทรัพย์สินมีมูลค่าสูงกว่าหนี้สินมากพอสมควร และปกป้องการเข้าครอบงำกิจการโดยผู้ถือหุ้นที่ไม่หวังดี
พร้อมทั้งเพิ่มธุรกิจใหม่ภายใน 5 เดือน ด้วยระบบ Supplier Credit Venture Capital หรือ Silent Partner Consortium หาผู้ร่วมทุนออกทุนให้ก่อนและแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันเติบโตไปด้วยกันมาแบ่งผลประโยชน์ไปด้วยกัน และติดตามความเสียหายที่เกิดจากผู้บริหารเก่าที่ผ่านมาการลงทุนต่างประเทศและในประเทศภายใน 1 เดือน เพื่อได้ทรัพย์สินตัวเงินกลับมาจากการฉ้อฉล กลโกงในรูปแบบต่างๆ จาก SA และ DEAL CARE ทั้งภายในและต่างประเทศบนพื้นฐาน Compliance และ Good Governance
รวมทั้งจะมีการบริหารในรูปแบบสมัยใหม่ SWOT MARTRIX ในเวลา 1 เดือน ที่จะมีการจัดทำวิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี แผนงาน โครงการ BSC KPI บริหารความเสี่ยง ติดตามประมวลผล
หลังจากนั้นตั้งเป้าราคาหุ้นไปที่ 4 บาทภายใน 6 เดือนจากการสร้างธุรกิจใหม่ ผู้ร่วมทุน ลดต้นทุนภาระหนี้ทางการเงิน หา Silent Partner ทำให้งบมีภาระหนี้สินลดลง เงินทุนหมุนเวียนดีกว่าเดิม ทำให้งบปี 61 ดีขึ้น และมูลค่าทางบัญชี (Book Value) ดีขึ้น พร้อมกับสร้าง Compliance และ Good Governance ระยะเวลา 45 วัน ด้วยการสร้างระบบการบริหารเชิงธรรมภิบาล มีระบบตรวจสอบภายใน และนอกบริษัท มีระบบบริหารด้านกฎหมายจริยธรรม คุณธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ชัดเจน
สรรหาประธานกรรมการและคณะผู้บริหารรวมถึงบริษัทลูกภายใน 1 เดือน รวมทั้ง Special Audit ภายใน 2 เดือน อีกทั้งติดตามที่ดินและอุปกรณ์ทั้งหมดที่มีการปกปิดข้อมูล ติดตามรวบรวมคดีต่างๆทั้งหมด รวมทั้งดำเนินคดีกับผู้ที่สร้างความเสียหายให้กับบริษัททั้งหมด และดำเนินการว่าจ้างผู้สอบบัญชีโดยเร็ว และจดทะเบียนกรรมการชุดใหม่
นอกจากนี้ จะเข้าควบคุมบริษัทลูกทั้งหมดทันที โดยจดทะเบียนเปลี่ยนกรรมการชุดใหม่เพื่อป้องกันความเสียหาย รวมทั้งเข้าควบคุมบริษัท Clean City และ ดาราเทวี ทันที โดยส่งเจ้าหน้ารที่เช้าควบคุมโรงงาน ติดตามเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องจักร คืนกลับมาทันที่ ปรับเปลี่ยนผู้บริหาร จากนั้นจะประกาศความพร้อมของ IFEC ในการบริหารสู่สภาวะปกติ