บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้เปิดเผยข้อมูลกรณีข้อพิพาทที่ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) หรือดีแทค ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 เพื่อขอให้ บมจ.ทีโอที (ทีโอที) และบริษัทฯ ร่วมกันชำระค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมตามข้อเสนอการเชื่อมต่อโครงข่ายของดีแทคนั้น
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2561 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้ทีโอที และบริษัทฯ ชำระค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรมนาคมแก่ดีแทค โดยในส่วนของบริษัทเป็นจำนวนเงิน 1,832.92 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด และบริษัทจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป
ทั้งนี้ คำฟ้องของ DTAC ระบุว่า บมจ.ทีโอที และ TRUE ทำสัญญาร่วมการงานและร่วมลงทุนขยายบริการโทรศัพท์พื้นฐาน 2.6 ล้านเลขหมายในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2537 บมจ.โทรคมนาคม (กสท.) กับ ทีโอทีได้ทำข้อตกลงเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคมในโทรศัพท์เคลื่อนที่ กสท.และ DTAC ให้บริการเชื่อมต่อกับโครงข่ายโทรศัพท์ประจำที่ให้กับทีโอทีให้บริการ และเชื่อมต่อกับโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เอไอเอสให้บริการ และให้จัดสรรเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่มีเลขหมาย 9 เลขหมายเหมือนกับที่ทีโอทีจดสรรให้เอไอเอส
ขณะนั้น ทีโอที เป็นผู้ผูกขาดโครงข่ายโทรศัพท์และกำกับดูแลกิจการโทรศัพทฺ์และจัดสรรเลขหมายโทรศัพท์ประจำที่ โดย DTAC และ กสท.จ่ายค่าตอบแทนการเชื่อมต่อโครงข่ายให้ทีโอที ทั้งที่โครงข่ายที่ ทีโอที และ TRUE บริหารจัดการได้ทราฟฟิคมายังโครงข่ายที่ กสท.และ DTAC บริหารจัดการเช่นกัน แต่ทั้งทีโอทีและ TRUE กลับไม่ต้องจ่ายต่อตอบแทนจากการเชื่อมต่อโครงข่ายฯ ให้ DTAC และ กสท.
ต่อมาเมื่อมี พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2543 ทั้ง ทีโอที และ กสท. ไม่มีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์และกำกับดูแลการประกอบกิจการโทรคมนาคม ดังนั้น ทีโอที จึงไม่ใช่องค์กรของรัฐที่มีอำนาจกำกับดู฿แลอีกต่อไป หากประสงค์จะประกอบกิจการโทรคมนาคมย่อมต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2544 ทีโอที ให้ กสท.และ DTAC ทำข้อตกลงเรื่องการคิดค่าเชื่อมโยงโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใชบัตรจ่ายเงินล่วงหน้า (Prepaid Card) โดย ทีโอที ให้ DTAC และ กสท.จ่ายค่าตอบแทนการเชื่อมโยงโครงข่าย สำหรับเลขหมายทีชำระเงินแบบบัตรจ่ายเงินล่วงหน้าทั้งข้อตกลงเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคม เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2537 และข้อตกลงเรื่องการคิดค่าเชื่อมโยงโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นการใช้อำนาจในฐานะหน่วยงานของรัฐที่ผูกขาดการดำเนินกิจการโทรศัพท์ให้ DTAC ต้องจำยอมเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้บริการของ DTAC จึงเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และเป็นการเลือกปฏิบัติ
ต่อมา กทช.ได้มีประกาศว่าด้วยการใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม พ.ศ.2549 และมีประกาศเพิ่มิติม ทำให้ข้อตกลงเชื่อมโยงโครงข่ายฯเดิมที่ทำกันไว้ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพนธ์ 2537 และวันที่ 4 เมษษยน 2544 จึงใช้บังคับต่อไปไม่ได้ เนื่องจากขัดกับ พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม
ทั้งนี้ DTAC เป็นผู้ได้รับสัญญาให้ดำเนินการให้บริการวิทยุโทรคมนาคมฯจาก กสท.ตามสัญญาให้ดำเนินการให้บริการวิทยุคมนาคมระบบเซลลูล่า และเป็นผู้มีสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นเดียวกับผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 80 วรรคสองของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ จึงได้จัดทำข้อมูลแสดงอัตราค่าเชื่อมต่อโครงข่ายฯให้ กทช.พิจารณา และมีสิทธิเรียกเก็บค่าตอบแทนการเชื่อมต่อโครงข่ายฯ จากทีโอทีและ TRUE
แต่ทั้งทีโอที และ TRUE ไม่จ่ายค่าเชื่อมต่อโครงข่ายฯ ทั้งสองเพิกเฉย และ DTAC ขอให้ กทช.อนุญาตให้ DTAC ระงับการให้บริการ แต่ กทช.ไม่อนุญาต ขณะที่ทั้ง ทีโอที และ TRUE ยังคงให้โครงข่ายฯที่ DTAC บริหารจัดการอยู่เชื่อมต่อกับโครงข่ายฯ ถือว่าทั้งทีโอที และ TRUE มีเจตนาสนองรับตามข้อเสนอการใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายฯของ DTAC แล้ว จึงเกิดเป็นข้อตกลงทางเทคนิคและพาณิชย์ เป็นสัญญาหรือข้อตกลงที่ DTAC และ ทั้งทีโอที และTRUE ต้องปฏิบัติตามข้อเสนอการเชื่อมต่อโครงข่าย (RIO) ของ DTAC ดังนั้น DTAC จึงมีสิทธิเรียกค่าตอบแทนการเชื่อมต่อโครงข่ายทั้ง 2 ราย
โดยตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2549-31 ธันวาคม 2553 ทีโอทีต้องรับผิดชอบค่าตอบแทนการเชื่อมต่อโครงข่ายสำหรับทราฟฟิคที่ส่งมาจากโครงข่ายฯที่ ทีโอที บริหารจัดการมายังโครงข่ายฯที่ DTAC บริหารจัดการ จำนวน 2,075.44 ล้านบาท และต้องร่วมรับผิดชอบค่าตอบแทนการเชื่อมต่อโครงข่ายฯของ TRUE สำหรับทราฟฟิกที่ถูกส่งจากโครงข่ายฯของทีโอทีบริหารจัดการไปยังโครงข่ายฯของ TRUE และส่งต่อมายังโครงข่าย DTAC บริหารจัดการ จำนวน 654.81 ล้านบาท DTAC มีหนังสือแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้ค่าตอบแทนการเชื่อมต่อโครงข่ายฯ ที่ทีโอที ต้องชำระให้ DTAC กับค่าตอบแทนการเชื่อมต่อโครงข่ายที่ DTAC ต้องชำระให้ ทีโอที เป็นเงิน 2,730.10 ล้านบาท และได้ทวงถาม แต่ทีโอทีปฏิเสธไม่ชำระ
ในส่วน TRUE ต้องรับผิดค่าตอบแทนการเชื่อมต่อโครงข่ายสำหรับทราฟฟิกที่ส่งมาจากโครงข่ายฯที่ TRUE บริหารจัดการมายังโครงข่าย DTAC บริหาร จำนวน 654.81 ล้านบาท และเต้องร่วมรับผิดค่าตอบแทนการเชื่อมต่อโครงข่ายฯกับ ทีโอที สำหรับทราฟฟิคที่ถูกส่งจากโครงข่ายฯที่ TRUE บริหารจัดการไปยังโครงข่ายฯที่ ทีโอทีและส่งต่อไปยังโครงข่ายฯที่ DTAC บริหารจัดการ จำนวน 2,628.23 ล้านบาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 3,283.049 ล้านบาท DTAC ทำหนังสือและทวงถามให้ TRUE ชำระเงินดั้งกล่าวแต่ TRUE ปฏิเสธจึงฟ้องคดีต่อศาล
ศาลสรุปว่า DTAC มีสิทธิที่จะได้รับค่าตอบแทนการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม โดยเงินที่ ทีโอทีต้องชดใช้ เป็นเงิน 2,155.21 ล้านบาท เมื่อหักกลบลบหนี้ค่าตอบแทนการเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคมระหว่าง DTAC กับ ทีโอที ในช่วงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550-31 ธันวาคม 2553 แล้ว ทีโอทีจึงต้องชำระเงินให้ DTAC จำนวน 702.48 ล้านบาท
สำหรับความรับผิดของ TRUE เป็นเงิน 2,703.82 ล้านบาท และเมื่อหักกลบลบหนี้ค่าตอบแทนการเชื่อมต่อโครงข่ายระหว่าง DTAC กับ TRUE ในช่วง 1 กุมภาพันธ์ 2550-31 ธันวาคม 2553 แล้ว TRUE ต้องรับผิดชำระเงินให้ DTAC จำนวน 1,832.29 ล้านบาท
ศาลพิพากษาให้ ทีโอที ชำระเงินจำนวน 702.48 ล้านบาท และให้ TRUE ชำระเงินจำนวน 1,832.29 ล้านบาทแก่ DTAC ทั้งนี้ให้ชำระให้เสร็จสิ้นภายใน 60 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด