นายวิลเลี่ยม แฮริส หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) กล่าวว่า กลุ่มทรู เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2562 บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด หรือ TUC ในปลายเดือนมกราคม 2562 ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุน
หุ้นกู้ทั้ง 2 บริษัท ได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้งว่ามีระดับความน่าเชื่อถือที่ BBB+ และแนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนยังไม่มีผลบังคับ เนื่องจากอยู่ระหว่างยื่นขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และบริษัทคาดว่าสำนักงาน ก.ล.ต. จะประกาศให้แบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางเดือนมกราคม 2562 ก่อนการเสนอขายผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) โดยได้แต่งตั้งธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
หุ้นกู้ ของ TRUE เป็นหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2562 อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2565 อัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ระหว่าง 4.00-4.15% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ กำหนดวงเงินจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท จะเสนอขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน เตรียมเปิดจองซื้อและขอรับหนังสือชี้ชวนระหว่างวันที่ 28-30 มกราคม 2562
หุ้นกู้ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด เป็นหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2562 ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2564 อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 3.60-3.80%ต่อปี และ ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ระหว่าง 5.00-5.15%ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ กำหนดวงเงินจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท จะเสนอขายให้กับผู้ลงทุนรายใหญ่และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน เตรียมเปิดจองซื้อและขอรับหนังสือชี้ชวนระหว่างวันที่ 21-23 มกราคม 2562
นายวิลเลี่ยม กล่าวเพิ่มเติมว่า เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ จะนำไปชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท เพื่อรองรับการขยายการลงทุนในการดำเนินธุรกิจของทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่มีการขยายตัวทั้งในด้านรายได้และฐานลูกค้า ซึ่งการจัดอันดับเครดิตของทริสเรทติ้งสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่ครบวงจรด้วยการมีเครือข่ายที่ครอบคลุมทั้งในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต และได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทฯ คือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ China Mobile ที่จะทำให้บริษัทเติบโตเข้มแข็งได้อย่างต่อเนื่อง