นางสมหะทัย พานิชชีวะ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อมตะ วีเอ็น (AMATAV) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์เพื่อเริ่มพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ฮาลอง (AMATA CITY HALONG) เพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับนักลงทุนไปยังตอนเหนือของเวียดนามในจังหวัดกว่างนิงห์ (QuangNinh) ภายหลังจากได้รับใบอนุญาตการลงทุน (Investment Certificate) จากรัฐบาลเวียดนามรวมพื้นที่ทั้งหมด 714 เฮกตาร์หรือประมาณ 4,500 ไร่เมื่อช่วงต้นปี 2561 โดยจะแบ่งการพัฒนาออกเป็น 5 เฟส เฟสแรกเริ่มพัฒนาพื้นที่ 123 เฮกตาร์ หรือประมาณ 770 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณสำหรับการพัฒนาทั้งหมดกว่า 5,115 ล้านบาท รองรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ สิ่งทอ ชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ อาหาร และอุตสาหกรรมทั่วไป และเริ่มเปิดรับนักลงทุนได้ในปี 2563
"การวางศิลาฤกษ์ครั้งนี้นับเป็นการเดินหน้าขยายพื้นที่นิคมอุสาหกรรมอมตะซิตี้ ให้ครอบคลุมสำหรับรองรับความต้องการของนักลงทุนได้เพิ่มมากขึ้น นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ฮาลอง ถือเป็นนิคมฯแห่งแรกของอมตะที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือของเวียดนาม ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับภาคใต้ของจีนและมีโครงสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรมที่สำคัญเช่นทางหลวงหมายเลข 5 ที่เชื่อมโยงฮานอย - ไฮฟอง - ฮาลองสนามบินนานาชาติที่ทันสมัยสองแห่ง ได้แก่ สนามบิน ฝวันด่ง (Van Don) สนามบินแคทบี (Cat Bi) และ และ ท่าเรือหลัดเหวี่ยน(LachHuyen) ท่าเรือน้ำลึกซึ่งคาดว่าจะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาคเศรษฐกิจภาคเหนือเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของภูมิภาคและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเวียดนาม ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวพร้อมรองรับนักลงทุนที่เตรียมย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนเข้าสู่เวียดนามได้เป็นอย่างดี" นางสมหะทัย กล่าว
สำหรับการดำเนินธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของอมตะในประเทศเวียดนามปัจจุบันมี 2 แห่ง ประกอบด้วย อมตะชิตี้เบียนหัว จังหวัด ดองไน บนพื้นที่ 700 เฮกตาร์ หรือ 4,375 ไร่ ถือเป็นโครงการแรกที่ประสบความสำเร็จในการเข้าพัฒนานิคมฯในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุน ประกอบกิจการเกือบเต็มพื้นที่ และอมตะชิตี้ ลองถั่น จังหวัด ดองไน โครงการที่ 2 บนพื้นที่ 1,270 เฮกตาร์ หรือ ประมาณ 8,000 ไร่ โดยแบ่งเป็นโครงการนิคมอุตสาหกรรม 33% และโครงการพัฒนาเมืองชุมชน 67%
นางสมหะทัย กล่าวว่า โครงการของอมตะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของภูมิภาคนี้ นิคมอุตสาหกรรมของอมตะในประเทศไทยและเวียดนามมีบริษัทรวมกว่า 1,300 บริษัท และแบรนด์ "Global Fortune 500" จากกว่า 30 ประเทศ มีแรงงานหมุนเวียนอยู่กว่า 300,000 คน