ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดรูดลงเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) หลังจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวในช่วงปลายปี 2550 และหลังจากบริษัทอินเทลรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดรูดลง 34.95 จุด หรือ 0.28% แตะระดับ 12,466.16 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 7.75 จุด หรือ 0.56% แตะระดับ 1,373.20 และ ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 23.00 จุด หรือ 0.95% แตะระดับ 2,394.59 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 2.1 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 8 ต่อ 7 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 3.47 พันล้านหุ้น
ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวก แต่ต่อมานักลงทุนเริ่มเทขายทำกำไรเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขตบ่งชี้ว่า ในช่วงกลางเดือนพ.ย.จนถึงเดือนธ.ค.ปี 2550 นั้น เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวช้ากว่าที่ได้มีการสำรวจในช่วงก่อนหน้านี้
นักลงทุนผิดหวังต่อรายงานผลประกอบการของบริษัทอินเทล อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของเจพีมอร์แกน เชสแอนด์โค และเวลล์ ฟาร์โก ได้ช่วยสกัดแรงขายเอาไว้ได้บางส่วน และช่วยพยุงตลาดหุ้นนิวยอร์กไม่ให้ร่วงลงมากเกินไป นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ช่วยกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคักด้วยเช่นกัน
นายซูบอด์ห คูมาร์ นักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนจากบริษัทซูบอด์ห คูมาร์ แอนด์ แอสโซซิเอชั่น กล่าวว่า "ผมคาดว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กอาจเข้าสู่ภาวะปรับฐานเนื่องจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย และนักลงทุนกังวลในเรื่องนี้มากขึ้นเมื่อเฟดเปิดเผยรายงาน Beige Book"
"อย่างไรก็ตาม แม้ผลประกอบการของบริษัทอินเทลออกมาน่าผิดหวัง แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงได้รับความสนใจเนื่องจากข่าวที่ว่า บริษัทออราเคิล คอร์ป ทำข้อตกลงซื้อกิจการบริษัทบีอีเอ ซิสเต็มส์ มูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนห้นบีอีเอ ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 19% และหุ้นออราเคิลดีดตัวขึ้น 3%" นายคูมาร์กล่าว
ทั้งนี้ นายคูมาร์คาดว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กจะเคลื่อนตัวผันผวนไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่ส่งผลให้สถาบันการเงินหลายแห่งในสหรัฐต้องตั้งสำรองหนี้สูญ
นอกเหนือจากรายงาน Beige Book ที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนแล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดเงินพุ่งขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2%
ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลง 1.06 ดอลลาร์ แตะระดับ 90.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า น้ำมันดิบสำรองปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด
หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 5.8% หลังจากเจพีมอร์แกนเปิดเผยว่า ยอดตัดบัญชีหนี้สูญอันเนื่องมาจากการขาดทุนในตลาดซับไพรม์อยู่ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขของซิตี้กรุ๊ปที่ระดับ 1.81 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะที่หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 2.6% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดีดขึ้น 3.3%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--