(เพิ่มเติม) ส.นักวิเคราะห์ฯเผยผลสำรวจเป้า SET สิ้นปี 62 อยู่ที่ 1,782 จุด รับผลบวกเลือกตั้งในประเทศ แต่ยังมีปัจจัยตปท.กดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 3, 2019 18:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการและกรรมการผู้อำนวยการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) เปิดเผยว่า การสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน ต่อมุมมองในด้านการลงทุนและคาดการณ์ทิศทางดัชนีราคาหุ้นไทย (SET Index) ณ วันสิ้นปี 2562 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,782 จุด ซึ่งน้อยกว่าผลสำรวจของเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่มีผู้ตอบที่คาดว่าดัชนี ณ วันสิ้นปี 2562 จะอยู่ต่ำกว่า 1,600 จุด

สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อดัชนีราคาหุ้นไทยในระยะสั้นนั้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า เรื่องการเลือกตั้งของไทยเป็นปัจจัยลำดับแรกที่มีอิทธิพลต่อทิศทางราคาหุ้นไทย รองลงมาคือสงครามการค้า และทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ เมื่อมองภาพที่ยาวขึ้นถึงสิ้นปี 2562 คาดการณ์จุดต่ำสุดของดัชนีราคาหุ้นไทย ระหว่างปีมีค่าเฉลี่ยต่ำสุดที่ 1,529 จุด และค่าเฉลี่ยจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,834 จุด

ปัจจัยที่มีผลบวกต่อดัชนีราคาหุ้นไทยในปี 2562 ได้แก่ ปัจจัยทางด้านการเมืองในประเทศ เช่น แนวโน้มการเลือกตั้งและเศรษฐกิจภายในประเทศ เป็น 2 ปัจจัยที่ผู้ตอบแบบสำรวจเทคะแนนให้อย่างชัดเจนว่าเป็นผลบวก ขณะที่ Fund Flow จากต่างประเทศสู่ตลาดทุนไทย ได้รับการโหวตมาเพียง 51.85% ซึ่งเป็นระดับประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ตอบแบบสำรวจ

ส่วนปัจจัยที่จะส่งผลในด้านลบต่อตลาดทุนไทยในระยะสั้น ได้แก่ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจต่างประเทศทั้งอเมริกา ยุโรป เอเชีย รองลงมาคือปัจจัยการเมืองในต่างประเทศ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีเสียงโหวตมากถึง 50% ขึ้นไป

สำหรับผลสำรวจครั้งนี้ มีตัวแทนทีมวิเคราะห์การลงทุนทั้งหมด 27 บริษัท จากบริษัทหลักทรัพย์จำนวน ,บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน , บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน และธุรกิจโกลด์ ฟิวเจอร์ส

นายสมบัติ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยการเลือกตั้งในประเทศนั้น หากเลื่อนออกไปประมาณ 1-3 เดือน หรือไม่เกินเดือนพ.ค. นี้ มองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเป็นช่วงระยะเวลาเพียงเล็กน้อย แต่หากว่าเลื่อนหลายเดือนหรือเกินเดือนพ.ค. จะส่งผลให้นักวิเคราะห์ต้องปรับมุมมองประมาณการใหม่ทั้งหมดจากผลกระทบที่เกิดขึ้น

โดยประเด็นการเลือกตั้งมองว่าไม่ส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยคาดการณ์ว่าจะมีเม็ดเงินดังกล่าวไหลเข้ามา แต่ในช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา กลับไม่ไหลเข้ามาเลย ขณะที่ในปีที่แล้วมีเม็ดเงินไหลออกไปประมาณ 2.9 แสนล้านบาท โดยหลังจากนี้ต้องจับตาว่าประเด็นเลือกตั้งจะส่งผลต่อ Fund Flow อย่างไรบ้าง

อย่างไรก็ตามนักลงทุนไทยทั้งสถาบันและรายย่อยมองประเด็นการเลือกตั้งเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนหุ้นไทย ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงหาเสียงทุกพรรคการเมืองทั้งพรรคเดิมและพรรคใหม่จะมีแนวคิดเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคตหลายโครงการที่น่าสนใจขึ้นมา ซึ่งแนวคิดของพรรคต่าง ๆ ที่ออกมาจะมีความหวังในทางบวก

ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของตลาดในปี 2562 เฉลี่ยที่ 115.12 บาท และ ณ สิ้นปี 2562 คาดอัตราการเติบโตของ EPS เฉลี่ยอยู่ที่ 7.35% นอกจากนี้ผลสำรวจส่วนใหญ่คาดว่าคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน(กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีนี้ 0.25% ขณะที่คาดดัชนีหุ้นไทย ณ สิ้นไตรมาส 1/62 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,682 จุด

นายสมบัติ กล่าวว่า สำหรับหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำ 5 หุ้นเด่น ที่ได้รับถูกเลือกมากที่สุด ซึ่งเป็นหุ้นที่ได้รับอานิสงส์การเลือกตั้ง ,ธุรกิจอ้างอิงการบริโภคในประเทศน่าสนใจมากกว่าภาคส่งออก และรับการลงทุนภาครัฐและเอกชน ได้แก่ 1.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เนื่องจากมีอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) สูงจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ด้านสินเชื่อเติบโตจากวงจรการลงทุนภาครัฐ-เอกชน และการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ 2.บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) มีโอกาสต่ออายุสัมปทานทางด่วนขั้นที่สองออกไปถึงปี 2600 อิงตามมติล่าสุดของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) และยังไม่รวมแนวโน้มเป้นผู้ให้ให้บริการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หลังกิจการร่วมค้าภายใต้การนำกลุ่มซีพี

3. บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) เนื่องจากรายได้เติบโตตามจำนวนสาขาและผลิตภณฑ์ All Cafe ที่มีมาร์จิ้นสูง 4. บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) เพราะแนวโน้มรายได้และกำไรสูงจากงานในมือ 1.2 แสนล้านบาท เพียงพอรับรู้รายได้อย่างน้อย 3 ปีข้างหน้า และยังมีโอกาสได้งานใหม่เพิ่ม และ 5.บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) จากการเดินหน้าเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้มูลค่าที่ดินที่มีกว่า 1 หมื่นไร่ปรับสูงขึ้นในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ