นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นได้ตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้าราว 1-3% ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวดีขึ้น จากการเก็งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7-8 ม.ค.นี้ ซึ่งผลน่าจะออกมาในทางบวก และประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ได้ส่งสัญญาณการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดฯ อีกทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯก็ออกมาสูงสุดในรอบ 10 เดือน ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทำให้เห็นได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเติบโตได้
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ฟื้นตัวด้วย อย่างไรก็ดียังต้องติดตามแนวทางแก้ไขเรื่องการปิดหน่วยงานรัฐฯบางแห่งของสหรัฐฯจะทำอย่างไร และติดตามความเสียหายจากพายุปาบึกจะมีการเยียวยาอย่างไรบ้าง ซึ่งกลุ่มวัสดุก่อสร้างน่าจะได้ประโยชน์จากตรงนี้ รวมไปถึงติดตามการกำหนดวันเลือกตั้งในประเทศที่ชัดเจน
พร้อมให้แนวรับ 1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,595 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 ม.ค.62) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,433.16 จุด พุ่งขึ้น 746.94 จุด (+3.29%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,531.94 จุด เพิ่มขึ้น 84.05 จุด (+3.43%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,738.86 จุด เพิ่มขึ้น 275.35 จุด (+4.26%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 382.65 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 13.83 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 389.81 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 77.69 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 23.99 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 42.03 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.14 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 39.77 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ม.ค.62) 1,575.13 จุด เพิ่มขึ้น 15.10 จุด (+0.97%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 571.17 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ม.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 ม.ค.62) ปิดที่ 47.96 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 87 เซนต์ หรือ 1.85%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ม.ค.62) ที่ 3.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดหลุด 32 มาที่ 31.91/94 แนวโน้มแข็งค่าตามภูมิภาค รับเม็ดเงินไหลเข้า
- แวดวงโทรคมนาคมปี 2562 มีหลายฝ่ายกำลังจับตามองคือ การเปิดประมูล "คลื่นความถี่รอบใหม่" จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อรองรับ 5 จี โดยมีแผนว่าไทยจะเข้าสู่ 5จีในไตรมาส 3 ปี 2563 สำหรับย่านความถี่ที่จะนำออกมาประมูลมีทั้ง 700, 1800, 2600 เมกะเฮิรตซ์ รวมไปถึงย่านสูงตั้งแต่ 24-35 กิกะเฮิรตซ์
- กลุ่ม ปตท. ทุ่มงบลงทุน 5 ปี (2562-2566) ราว 5 แสนล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการต่อเนื่อง และธุรกิจใหม่ ส่วนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังรอการอนุมัติ ระบุปีนี้ กลุ่ม ปตท.ใช้งบลงทุนรวม 3 แสนล้านบาท ด้าน ปตท.กันเงิน 1 พันล้านบาท ลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพทั้งใน และต่างประเทศ
- "สนธิรัตน์ไสั่งทำแผนเร่งส่งออกเน้นเพิ่มยอด'อินเดีย-ลาติน-รัสเซีย'รับศึกการค้า, พาณิชย์สั่งรับมือเศรษฐกิจโลกปี 2562 ผันผวน เร่งส่งออก ลุยเจาะทั่วโลก เน้นเพิ่มยอดตลาดใหม่
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมประชุมฉุกเฉิน ระดมมาตรการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุ "ปาบึก" โดยเฉพาะนครศรีฯ สงขลา สุราษฎร์ฯ ปัตตานีที่สถานประกอบการได้รับผลกระทบมากสุด จัดเต็มครบวงจรทั้งยกเว้นค่าธรรมเนียมโรงงาน 5 ปี พักชำระหนี้ อัดฉีดเติมทุนเสริมสภาพคล่อง รวมถึงปรับเปลี่ยน ซ่อมแซม ปรับปรุงเครื่อง จักรอุปกรณ์ พร้อมออกกองทุนพิเศษพลิกฟื้นกิจการ
*หุ้นเด่นวันนี้
- SAAM (บมจ. เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยราคาเสนอขาย IPO ที่ 1.80 บาท/หุ้น ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเป้าหมายปี 2562 ที่ 2.10 บาท อิง PE 12.5 เท่า บริษัทฯเป็นผู้ประกอบการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อจำหน่าย รายได้หลักปัจจุบัน 75-76% มาจากบริการจัดหาที่ตั้งและบริการที่เกี่ยวข้องภายในโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ อีก 24-25% จากการขายไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนา 2 โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศญี่ปุ่นเพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาจนได้รับใบอนุมัติให้เชื่อมต่อระบบไฟฟ้าแรงสูง และใบอนุมัติสนับสนุนค่าไฟฟ้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว รวมทั้งได้ลงนามสัญญากำหนดกรอบการพัฒนากับลูกค้าแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินงานในด้านต่างๆ ต่อไปจนสามารถขาย 1 โครงการแก่ลูกค้าใน 2H62 ซึ่งจะหนุนให้กำไรปี 2562 โตสูง 133% Y-Y
- KBANK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 238 บาท คาดกำไรสุทธิปี 62 ที่ 4.16 หมื่นล้านบาท +3%Y-Y จากคาดการณ์ Credit cost ที่ลดลงและ NIM ที่เพิ่มขึ้นเป็น 3.5% ตามอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ด้านราคาหุ้นที่ลงมาซื้อขายบน PBV ปี 2562 เพียง 1.14 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปีย้อนหลังที่ 1.4 เท่า และมีโอกาสถูก Cover Short เพราะช่วงที่ SET เป็นขาลงรอบล่าสุด (4 ธ.ค.-ปัจจุบัน) KBANK เป็นหุ้นที่ถูก SBL มากสุดอันดับ 2 ที่ 15.3 ล้านหุ้น หรือ 2.88 พันล้านบาท คิดเป็นต้นทุนเฉลี่ยที่ 188 บาท ใกล้ราคาหุ้นปัจจุบัน
- AMATA (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า Consensus 27.5 บาท คาดกำไร Q4/61 ออกมาดี จากยอดขายและยอดโอนที่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ขณะที่สัปดาห์นี้คาด กกต.ประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องอาทิ นิคมฯ และค้าปลีก
- CPALL (กสิกรไทย)"ซื้อ" เป้า 82 บาท ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2561-2563 ที่ -2.2 ถึง +1.6% เพื่อสะท้อนกำไรสุทธิไตรมาส 3/2561 ที่แข็งแกร่งและการปรับประมาณการกำไรสุทธิของ MAKRO โดยคาดว่ากำไรสุทธิของ CPALL จะเติบโตขึ้น 4.2-14.3% ในปี 2561-2563 หรือมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ช่วง 3 ปีที่ 10% แม้คาดว่าผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับบุหรี่จะบรรเทาลงในไตรมาส 4/2561 แต่คาดอัตราเติบโตเฉลี่ยของยอขดายสาขาเดิม (SSSG) ในเชิง QTD ของ CPALL จะยังอยู่ในแนวบวกหนุนจากการตอบรับที่ดีจากลูกค้าของแคมเปญแสตมป์