โบรกฯแนะ"ซื้อ"บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และโรงกลั่น (PTTAR) ระยะยาวดี ส่วนระยะสั้นราคาหุ้นปรับลงมากตอบรับปัจจัยลบแรงกดดันของ Spread ธุรกิจอะโรเมติกส์ไปแล้ว ในแง่พื้นฐานพร้อมฟื้นตัว คาดปี 52 กำลังการผลิตจะเพิ่มเข้ามาจากสายอะโรเมติกส์ 2 ประเด็นการควบรวมกิจการ ATC-RRC ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายถือว่าดี
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.เอเซียพลัส ซื้อ 60
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อลงทุนระยะยาว 56
บล.บีฟิท ซื้อ(รอดู timing) 56
บล.ฟาร์อีสท์ ทยอยสะสม/ซื้อเมื่ออ่อนตัว 59
บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เก็งกำไร 55
น.ส.อุษณีย์ ลิ่วรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ราคาหุ้น PTTAR ที่ปรับลงมาเป็นโอกาสดีให้"ซื้อ"เพื่อลงทุนระยะยาว แต่ระยะสั้นมีปัจจัยกดดันจากความกังวลเรื่องอะโรเมติกส์ที่ยังไม่ค่อยดี แต่มุมมองระยะยาวยังเป็นบวกอยู่
ในแง่พื้นฐาน การขยายกำลังการผลิตคาดว่าจะเสร็จและมีกำลังการผลิตเพิ่มเข้ามาเต็มที่ต้นปี 52 แต่คิดว่าต้นไตรมาส 4/51 ก็คงได้เริ่มเห็นบ้างแล้วเพียงแต่อาจจะยังไม่เต็มที่ ในส่วนอะโรเมติกส์ 2 ของ RRC และส่วนของ Reformate ใหม่
ทั้งนี้ PTTAR คาดว่าหลังจากที่อะโรเมติกส์ 2 แล้วเสร็จจะทำให้บริษัทมีกำลังผลิตเพิ่มอีก 6.5 หมื่นบาร์เรล/วัน เป็น 2.8 แสนบาร์เรล/วัน
"พื้นฐานยังดีในระยะยาวและการควบกิจการก็ช่วยสนับสนุนธุรกิจสามารถเลือกใช้วัตถุดิบและ share วัตถุดิบร่วมกัน" น.ส.อุษณีย์ กล่าว
นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า PTTAR ในเชิงพื้นฐานแนะ"ซื้อ"แต่ระยะสั้นผลประกอบการไตรมาส 4/50 มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงจากราคาน้ำมันที่กดตัวอะโรเมติกส์(ATC)อาจจะทำให้ผลประกอบการดูไม่ค่อยดี
"แนะซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวให้ราคาเป้าหมาย 56 บาท ถ้าเป็นระยะสั้นราคาหุ้นคงจะอ่อนกว่าตลาดช่วงนี้ แต่ในแง่ของกลุ่มที่เป็นโรงกลั่นหรืออะโรเมติกส์รวมกัน บมจ.ไทยออยล์ (TOP) น่าจะดีกว่า ดูโดดเด่นกว่าจากการผลิตที่ดีขึ้น ส่วน PTTAR คงต้องเป็นครึ่งปีหลังถึงจะดี" นักวิเคราะห์ กล่าว
นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าวว่า ความกดดันในแง่พื้นฐานจากวัตถุดิบ ทั้งราคาน้ำมัน ราคาปิโตรเลียมที่ปรับสูงขึ้น ซึ่ง PTTAR มีทั้งส่วนโรงกลั่นกับปิโตรเคมี แม้ว่าส่วนของโรงกลั่นยังทำได้ดี แต่ส่วนของปิโตรเคมีในปีนี้ราคาต้นทุนวัตถุดิบอาจจะทำให้ Spread ปิโตรเคมีแคบลง เป็นปัจจัยกดดันในเชิงเพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ภาวะตลาดหุ้นเป็นตัวกดดัน ซึ่ง PTTAR ได้รับผลกระทบในตอนนี้ด้วย แต่เชิงพื้นฐานไม่ได้มีอะไรเสียหายรุนแรง ยังแนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 56 บาท
"ตลาดตอนนี้การซื้อยังไม่กลับเข้ามา timing ยังไม่ได้ ถึงแม้ราคาหุ้นถูก พื้นฐานก็ buy แต่คนซื้ออาจจะต้องรอจังหวะ เพราะภาวะตลาดตอนนี้อิงกันภาพใหญ่มากกว่าตัวหุ้น ราคาหุ้นถูกจริงแต่คนมองว่าประเทศไทยความเสี่ยงเรื่องที่การเมืองในประเทศที่ยังไม่ตั้งรัฐบาล รวมถึงต่างประเทศยังมีความผันผวนในในเชิงลบอยู่ก็เป็นตัวกดดันหุ้นทุกตัวในตลาด PTTAR อาจจะมีปัจจัยที่ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก แต่เป็นช่วงที่พื้นฐานหรือวัตถุดิบสูงขึ้นอาจจะกดดันมาร์จินได้ในอนาคต"นายอนุพนธ์ กล่าว
ทั้งนี้ ประเด็นการควบรวมไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะได้ประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่ายแต่ประโยชน์ที่จะได้เป็นปี 52 ซึ่งโครงการอะโรเมติกส์ 2 จะเสร็จแต่การรับรู้ประโยชน์ในการควบรวมกันจะอยู่ในปี 52 เป็นหลัก ฉะนั้นในแง่ของปัจจัยพื้นฐานต้องดูระยะยาวมากกว่าแต่ระยะสั้นปัจจัยลบจากภาวะตลาดทั้งในและต่างเทศส่งผลให้ราคาหุ้นลงมาเรื่อยๆ หลังจากที่เข้าเทรดวันแรกวันที่ 2 ม.ค.เปิดตลาดที่ 49.50 บาท หลังจากนั้นก็ปรับลงเรื่อยๆ จนปรับลงต่ำสุดเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ 38.25 บาท
"ราคาเทียบกับพื้นฐานอยู่ในระดับที่ลงทุนได้ แต่ในแง่จังหวะเวลาเมื่อปัจจัยในประเทศคลี่คลายในทางที่ดีขึ้นราคาหุ้นก็น่าจะปรับตัวดีขึ้นได้" นายอนุพนธ์ กล่าว
นักวิเคราะห์ บล.ฟาร์อีสท์ ให้ความเห็นว่า ตอนเข้าตลาดใหม่ๆ ก็แนะรอซื้อเมื่ออ่อนตัวเพราะมองผลประกอบการไตรมาส 4/50 น่าจะชะลอตัวลงค่อนข้างชัดเจนจากสายอะโรเมติกส์ที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อ่อนตัวลง เป็นเหตุผลว่าทำไมราคา underperform ตลาดค่อนข้างมาก ช่วงสั้นก็ยังให้ชะลอการลงทุนรอดูจังหวะ เพราะถ้ามองระยะสั้นราคาหุ้นสะท้อนกับผลประกอบการที่ชะลอตัวลงไปแล้วระดับหนึ่ง
ถ้าจะแนะนำคือ"ทยอยสะสม"หรือ"ซื้อเมื่ออ่อนตัว" โดยคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการช่วงไตรมาส 1-2/51 อาจจะยังไม่ค่อยเติบโต แต่จะไปเติบโตชัดเจนหลังจากที่โรงงานอะโรเมติกส์ 2 เริ่มดำเนินการช่วงไตรมาส 3-4/51 ราคาหุ้นน่าจะไป perform ช่วงนั้น
"ซื้อเก็งกำไรเพราะราคาของหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นในลักษณะของวัฏจักรมี Cycle เพราะแนวโน้มตอนนี้ราคาของผลิตภัณฑ์ก็ยังไม่ค่อยดี อยากให้ชะลอดูตัว Spread ว่าหลังจากช่วงใกล้ปลาย ม.ค.ตัวพาราไซลีนปรับตัวดีขึ้นหรือยัง เพราะตามคาดการณ์ราคา MEG น่าจะลงและพาราไซลีนน่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นประมาณช่วงเดือนก.พ."นักวิเคราะห์ กล่าว
บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะเก็งกำไร PTTAR จากการที่หุ้นถูกแรงขายกดดันมากเกินไป ราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาอย่างรุนแรง ซึ่งไม่ได้เกิดจากปัจจัยด้านพื้นฐาน และราคาไม่ได้ปรับลดลงในทิศทางเดียวกันกับกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีหลังจากการเข้ามาจดทะเบียนในวันที่ 2 ม.ค.โดยขณะนี้ราคาหุ้นถึงจุดที่ควรจะฟื้นตัวและมีส่วนต่างจากราคาเหมาะสมของเราที่ 55 บาท/หุ้น
ทั้งนี้ หุ้น PTTAR เริ่มเทรดเมื่อวันที่ 2 ม.ค.2551 ราคาเปิดสูงสุดที่ 49.50 บาทต่อหุ้น จากนั้นราคาปรับลงเรื่อยๆ จนราคาปรับลงต่ำสุดเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ 38.25 บาท
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--