บมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป (CWT) ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์หนังทั้งเบาะหนังและชิ้นส่วนรถยนต์ที่ เชื่อในปี 51 จะพลิกมีกำไรสุทธิ เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นสูงจะปรับเป็น 15% ขึ้นไป และตั้งเป้ารายได้ปี 51 เติบโต 10-15% จากปี 50 ด้วยการเพิ่มสัดส่วนส่งออกหลังมองตลาดในประเทศปีนี้ยังไม่ฟื้น ส่วนปี 50 ยังขาดทุน เพราะต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
นายวีระพล ไชยธีรัตต์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป (CWT) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า
กลยุทธ์ที่จะทำให้ปีนี้พลิกมีกำไรขึ้นมาได้ บริษัทต้องเปลี่ยนไปผลิตสินค้าตัวใหม่ที่ขายได้ราคาดีขึ้น และมีอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่า จากช่วงที่ผ่านมาภายใต้ภาวะการแข่งขันสูงบริษัทไม่ค่อยได้ราคาเท่าไร จึงต้องหาของใหม่มาล้างของเก่าที่ไม่ค่อยได้ราคาดี
บริษัทตั้งเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้น(Gross profit margin)ในปีนี้ที่ 15% ขึ้นไป จากเดิมต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 15% โดยหากสินค้าใดมี margin ไม่ถึง 15-20% ก็จะไม่รับผลิต จากก่อนหน้านี้รับสินค้าที่มีมาร์จินต่ำด้วยจึงไม่ค่อยได้กำไรมาก
ประกอบกับบริษัทได้ขยายการส่งออกมากขึ้น โดยตลาดส่งออกหลักในปีนี้จะขยายไปในอินเดีย และอาเซียน ประกอบกับสินค้าตัวใหม่จะเน้นเป็นเบาะหนังที่มีมูลค่าสูงขึ้น ทำให้สัดส่วนการส่งออกเพิ่มเป็น 25% จากเดิมอยู่ที่ 10%
"ปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะโตได้ 10-15% ก็เพราะเน้นส่งออกมาทดแทนยอดขายในประเทศที่ขยายไม่ได้แล้ว โดยปีนี้รายได้ในส่วนส่งออกจะเพิ่มเข้ามาอีกประมาณ 150 ล้านบาท คิดเป็น 25% จากเดิมมีอยู่แล้วประมาณ 100 ล้านบาท หรือ 10% รวมทั้งจะเน้นผลิตสินค้าตัวใหม่ที่มี margin มากกว่า 15%"นายวีระพล กล่าว
สำหรับปี 50 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1 พันล้านบาท และยังคงมีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่องจากปี 49 เพราะบริษัทรับผลิตสินค้าด้วยราคาที่คำนวณตั้งแต่ค่าเงินบาทยังไม่แข็งค่ามากอย่างในปัจจุบัน และต้นทุนวัตถุดิบหลายอย่างที่นำเข้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
และผลประกอบการไตรมาส 4/50 คาดว่าจะยังขาดทุนเช่นกัน ไม่น่าจะแตกต่างจากไตรมาส 3/50 ตัวเลขยอดขายถึงแม้จะดีขึ้น แต่ก็คงยังไม่มีกำไรทันที เนื่องจากออร์เดอร์เงียบมาก ตลาดช่วงปลายปีอยู่ในลักษณะต้องประคองตัวรอให้ผ่านพ้นเรื่องการเมืองไปก่อน
ในไตรมาส 3/50 CWT ขาดทุนสุทธิเพิ่มเป็น 57.21 ล้านบาท และในงวด 9 เดือน ขาดทุน 118.51 ล้านบาท
นายวีระพล มองว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศปีนี้คงยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่การส่งออกน่าจะดีขึ้น เราก็จะขยายส่งออกมากขึ้น โดยออเดอร์จากประเทศเกาหลีกับญี่ปุ่นเริ่มชัดเจนขึ้น หลังจากที่ผ่านมาได้ทำตัวอย่างสินค้าส่งไปแล้ว คาดว่ายอดขายจริงต้นปี 51 คงเริ่มทยอยผลิตให้ลูกค้าดังกล่าวได้
สำหรับลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทคือ ฮอนด้า มีคำสั่งซื้อต่อปี ประมาณ 200 ล้านบาท รองลงมาเป็นโตโยต้า
"ในประเทศดูแนวโน้มไม่น่าจะเติบโต ซึ่งปกติมีจะยอดขายสูงแค่ช่วงมอเตอร์โชว์มี.ค.และพ.ย.นอกนั้นก็เงียบลง ปีนี้ในประเทศคาดหมายตัวเลขการเติบโตไม่น่าจะโตได้ถึง 10% จากปีก่อนก็พอ ๆ กันไม่ถึง 10% มองปีนี้ก็ยังไม่ฟื้นสำหรับในประเทศ"นายวีระพล กล่าว
*เจรจาพันธมิตรไม่จบเร็ว-แตกพาร์เป็นแค่แนวคิด
นายวีระพล กล่าวว่า การหาพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมธุรกิจยังคงดำเนินต่อไป และยอมรับว่าคงยังไม่ได้ข้อสรุปในเร็ว ๆนี้ แม้จะมีกระแสข่าวว่าบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรญี่ปุ่น
"เรื่องพันธมิตรกำลังรอดู ตอนนี้เหมือนดูใจกันอยู่ ถ้าทำได้อย่างที่ต้องการก็เจรจาต่อ คาดว่าอีกหลายเดือนข้างหน้ากว่าจะรู้ผลไม่น่าจะเร็วๆ นี้" นายวีระพล กล่าว
ส่วนแผนแตกพาร์ นายวีระพล ระบุว่า เป็นพียงแนวความคิด แต่สำหรับแผนล้างขาดทุนสะสมนั้น บริษัทคาดว่าจะร่างแผนใหญ่ภายในปีนี้ หลังเห็นแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้น โดย ณ สิ้น ก.ย.50 CWT มีขาดทุนสะสมอยู่จำนวน 338.36 ล้านบาท
"หลังจากตลาดส่งออกดีแล้วเรามีแนวโน้มจะทำอะไรก็จะทำเป็นแผนใหญ่ ถ้าจะล้างขาดทุนสะสมก็จะต้องมีอะไรดีๆ เข้ามา ล้างแล้วจะได้ทำอย่างอื่นด้วย ถ้าล้างขาดทุนอย่างเดียวคงไม่ได้อะไรเข้ามา ซึ่งขาดทุนสะสมตอนนี้มีพวกรายการพิเศษที่จะต้องกลับคืนมาด้วย พอรายการพิเศษกลับคืนมาเวลาทำก็จะง่ายขึ้น เช่น รายการพิเศษที่ตั้งสำรองลูกหนี้ ตั้งสำรองเงินลงทุน" นายวีระพล กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--