นายสว่าง ประจักษ์ธรรม ประธานกรรมการ บมจ.ไทยออพติคอล กรุ๊ป(TOG) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การลงนามใน MOU เพื่อร่วมมือกับเวียดนามและสวิตเซอร์แลนด์ในการตั้งห้องแล็ปในเวียดนามมีเหตุทำให้ต้องเลื่อนออกจากกำหนดในวันที่ 15 ม.ค.51 เนื่องจากยังมีข้อปลีกย่อยไม่ลงตัว แต่ยืนยันเซ็นแน่ และจะเดินหน้าเข้าจีนภายในปีนี้ พร้อมเล็งเกาหลีใต้และมาเลเซียมีศักยภาพในระดับเดียวกัน
บริษัทยังคงวางเป้าหมายการเติบโตของยอดขายและรายได้ในปี 51 ที่ 10-15% และมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ 7% ต่อปี โดยปัจจุบันมีออเดอร์ระยะยาวที่บริษัทมีหน้าที่ส่งออกให้ได้ตามจำนวนทุกๆเดือน
"ปี 51 เราตั้งเป้าหมายไว้เหมือนปี 50 คือกำไรสูงกว่า 7% รายได้และยอดขายสูงกว่า 10-15% ทั้งปีนี้และปีหน้าติดต่อกัน 2 ปี"นายสว่าง กล่าว
นายสว่าง กล่าวว่า ประเทศจีนเป็นเป้าหมายต่อไปที่บริษัทจะเข้าไปตั้งห้องแล็ป ที่คาดว่าจะบรรลุข้อตกลงร่วมทุนกับทางสวิตเซอร์แลนด์ และพันธมิตรภายในปีนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการขยายธุรกิจในเวียดนาม นอกจากนี้ยังมองว่ามาเลเซีย เกาหลีใต้ก็มีศักยภาพในระดับเดียวกัน
"ที่จีนคงจะเป็นการร่วมทุน 4 ฝ่าย คือ ไทย สวิตเซอร์แลนด์ ตัวแทนจำหน่ายของเราที่ฮ่องกง และตัวแทนจำหน่ายที่ประเทศจีน ต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง คิดว่าภายในปีนี้คงจะบรรลุข้อตกลงอะไรสักอย่างนึง แต่คิดว่าจะผลิตเพื่อขายในประเทศจีนเป็นหลัก เพราะตลาดใหญ่มาก"นายสว่าง กล่าว
นายสว่าง กล่าวว่า ยิ่งมีแล็ปเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ยอดขายของ TOG ก็จะโตขึ้นเท่านั้น ซึ่งต่อไป TOG จะมีแล็ปกระจายอยู่ในแถบเอเชีย โดยเน้นในประเทศที่กำลังพัฒนา เพราะค่าแรงถูก เนื่องจากการทำงานแล็ปต้องการแรงงานฝีมือจำนวนมาก
"เราต้องการธุรกิจในประเทศนั้นๆ และเป็น Down Stream ของ TOG แต่ไม่มีเป้าหมายว่ากี่ปีจะมีแล็ปกี่แห่ง แล้วแต่โอกาส เมื่อโอกาสเปิดเราก็จะไปทำ เพราะเป็นโมเดลเดียวกันหมด สามารถยกจากที่นึงไปอีกที่นึงได้เลย ซึ่งประเทศต่อไปที่มองไว้ คือ มาเลเซีย เกาหลีใต้ ก็ต้องมีทั้งโอกาส โลคัลพาร์ทเนอร์"นายสว่าง กล่าว
*เลื่อนเซ็น MOU ตั้งแล็ปที่เวียดนามเป็นเร็วๆนี้ หลังข้อปลีกย่อยในสัญญาไม่ลงตัว
นายสว่าง กล่าวถึงเรื่องเซ็น MOU กับเวียดนามและสวิตเซอร์แลนด์นั้น มีเหตุทำให้ต้องเลื่อนออกไปก่อนจากที่มีข่าวว่าจะเซ็นกันวันที่ 15 ม.ค.51 เนื่องจากยังมีข้อปลีกย่อยไม่ลงตัว ซึ่งบริษัทต้องการให้สัญญาออกมาสมบูรณ์ที่สุดและพอใจทุกฝ่าย
"เราคุยกันถึง Conclution ที่เกี่ยวกับ Joint Venture Agreement เพระมีข้อรายละเอียดที่ต้องเคลียร์กันอยู่ 2-3 จุด คาดว่าคงจะเซ็นสัญญากันในเร็วๆนี้...ตอนนี้ไม่เร่งแล้ว เพราะว่าเรื่องหลักๆเราสรุปแล้ว การร่วมทุนตั้งแล็ปที่เวียดนามเกิดขึ้นแน่นอน เพียงแต่ยังมีข้อปลีกย่อยของสัญญาที่ต้องให้แต่ละฝ่ายดูว่าตรงกับที่คุยกันไว้หรือไม่ มีตรงไหนต้องแก้ไข ก็อาจจะต้องมีไปๆมาๆ"นายสว่างกล่าว
นายสว่าง กล่าวว่า สัดส่วนการร่วมทุนในการจัดตั้งแล็ปที่เวียดนาม จะแบ่งเป็น 3 ฝ่ายเท่าๆกัน และจะมีคนของ TOG เข้าไป 3 คน คือ กรรมการผู้จัดการและวิศวกรอีก 2 คน ส่วนทางสวิตเซอร์แลนด์จะดูแลการตลาดในยุโรป ขณะที่เวียดนามดูแลช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศเวียดนามเอง
ด้านการผลิตจะเริ่มหลังจากสร้างแล็ปเสร็จประมาณไตรมาส 3/51 แล็ปแห่งนี้จะมี 2 เฟส เฟสแรกทำได้ 20,000 คู่/เดือน คาดว่าประมาณ 1 ปีน่าจะเต็ม เฟสต่อไปจะเป็นการเพิ่มกะการทำงานอีก 3 เท่าตัวเป็น 60,000 คู่/เดือน และจะส่งออกไปยุโรปราวต้นปี 52
"ประเทศไทยจะผลิตเลนส์กึ่งสำเร็จ จะฝนเฉพาะด้านหน้าเลนส์ ที่เวียดนามจะสั่งซื้อไปเก็บไว้ และรับออเดอร์ และเอาเลนส์มาฝนด้านหลังให้เสร็จและส่งไปถึงผู้ใช้ตามออเดอร์ เพราะฉะนั้นธุรกิจของเวียดนามโตขึ้นเท่าไหร่ ธุรกิจของ TOG ก็จะโตขึ้นเท่านั้นตามสัดส่วนการลงทุน"นายสว่าง กล่าว
นายสว่าง กล่าวว่า สัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากส่งออกกว่า 90% แบ่งเป็นยุโรป 70% อเมริกา 20% ที่เหลือเป็นรายได้จากในประเทศ
นายสว่าง กล่าวถึงการขยายสาขาของร้านหอแว่น ซึ่งเป็นธุรกิจของผู้ถือหุ้นในกลุ่มเดียวกันว่า ปัจจุบันมี 100 สาขา มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มปีละ 3-4 แห่ง โดยจะขยายสาขาตามบิ๊กซี เครือเซ็นทรัล เดอะมอลล์
ปัจจุบันตลาดรวมเลนส์อยู่ที่ประมาณ 900-1,000 ล้านแผ่น/ปี ขณะที่สินค้าประเภทแว่นตาและเลนส์สายตา ยังมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง 5% ต่อปี
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--