กลุ่ม รพ.ร่วงต่อเนื่อง โบรกฯ มองแค่ Sentiment เชิงลบรัฐเพิ่ม"เวชภัณฑ์-บริการการแพทย์"เป็นสินค้าควบคุม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 10, 2019 10:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีกลุ่มโรงพยาลปรับลง 2.29% มาอยู่ที่ 5,192.32 จุด ลดลง 121.79 จุด เมื่อเวลา 10.14 น.นำโดยหุ้น BCH ลบ 3.80% มาอยู่ที่ 15.20 บาท ลดลง 0.60 บาท มูลค่าซื้อขาย 111.86 ล้านบาท

หุ้น CHG ลบ 3.24% มาอยู่ที่ 1.79 บาท ลดลง 0.06 บาท มูลค่าซื้อขาย 60.35 ล้านบาท

หุ้น BH ลบ 3.13% มาอยู่ที่ 170.50 บาท ลดลง 5.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 243.06 ล้านบาท

หุ้น BDMS ลบ 2.64% มาอยู่ที่ 22.10 บาท ลดลง 0.60 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,933.31 ล้านบาท

วานนี้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ทบทวนรายการสินค้าและบริการควบคุมมีมติเพิ่มบัญชีรายการสินค้าและบริการควบคุมอีก 1 รายการ คือ เวชภัณฑ์ จากเดิมที่มีเพียงยารักษาโรคเป็นสินค้าควบคุม ส่วนบริการควบคุม เพิ่มอีก 1 รายการ ได้แก่ บริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาลเข้ามาอยู่ในบัญชีควบคุม

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ฯ เป็นประเด็นลบต่อกลุ่มการแพทย์ แต่ยังต้องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติก่อน โดยหากมีการอนุมัติแล้ว คณะอนุกรรมการยังต้องใช้เวลาศึกษาความเป็นไปได้ของขอบเขตในการควบคุมราคา ยา เวชภัณฑ์การแพทย์ บริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาล เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้คณะอนุกรรมการยังต้องเชิญตัวแทนภาคเอกชนเข้าไปชี้แจงและให้ข้อมูลเกี่ยวกับด้านราคาที่เรียกเก็บปัจจุบัน และต้นทุนต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับการเรียกเก็บ เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์ในการควบคุมอีกครั้ง โดยเชื่อว่าเป็นเพียง Sentiment เชิงลบต่อราคาหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล จนกว่าจะมีความชัดเจน

ขณะการควบคุมราคาที่ชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งราคายา เวชภัณฑ์ และค่าบริการ เกิดขึ้นได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากโรงพยาบาลพรีเมียมที่ต้นทุนด้านสิ่งอำนวยความสะดวกที่สูงกว่าโรงพยาบาลระดับกลาง และโรงพยาบาลระดับล่างมาก และหากมีการควบคุมจริงเชื่อว่าจะต้องมีการแบ่งเกรดโรงพยาบาล และโรงพยาบาลแต่ละแห่งจะหาช่องทางเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรให้ใกล้เคียงระดับเดิมได้

โดยเชื่อว่าราคาหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล ยังคงมีความผันผวนต่อไป ทำให้สามารถซื้อเก็งกำไรได้อีกหลายรอบ ตราบใดที่ยังไม่มีความชัดเจน โดยเลือก บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) เป็น Top Pick กลุ่ม เพราะมีสัดส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างชาติสูงถึง 65% น่าจะได้รับผลกระทบน้อยสุด เพราะการควบคุมราคา จุดประสงค์เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคชาวไทย ขณะราคา BH ที่ลงมาแรงจนมี upside 21% จากราคาเป้าหมาย 213 บาท เป็นโอกาสให้ซื้อเก็งกำไรระยะสั้นได้ในระดับ 5-10%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ