หุ้น KBANK ปิดตลาดราคาไหลลง 3.23% ปิดที่ 180 บาท ลดลง 6 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,143.83 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 186.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 187 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 178.50 บาท
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) บ่ายนี้ปรับตัวลงค่อนข้างมาก แม้ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน แต่หากมองประเด็นความกังวลการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของ KBANK ในไตรมาส 4/61
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ฯ มองว่าเป็นเรื่องปกติที่ NPL จะเพิ่มขึ้นในทุกไตรมาส แม้ KBANK จะมีการเปลี่ยนกลยุทธ์ด้วยการเลือกเก็บ NPL บางส่วนไว้เพื่อบริหารเอง จากความเชื่อที่ว่าจะได้เงินกลับมามากกว่าและยังรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ ซึ่งอาจทำให้ NPL ของ KBANK เพิ่มขึ้นได้ในระยะสั้น แต่ก็ถือเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดย KBANK ก็ได้ตั้งสำรองหนี้ฯไว้ได้เพียงพอแล้ว และ NPL ที่เกิดขึ้นก็ยังคงอยู่ในกรอบที่รับได้ โดยคาดว่าไตรมาส 4/61 NPL อยู่ที่ 3.4% และต้องรอดูผลประกอบการอีกทีจะเป็นอย่างไร
"NPL ของ KBNAK คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว เนื่องจาก SME ยังมีปัญหาอยู่"นายธนเดช กล่าว
สำหรับกำไรของ KBANK งวดไตรมาส 4/61 คาดว่าจะอยู่ที่ 6,400 ล้านบาท ลดลง 34% qoq จากผลของการบันทึกค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ถือเป็นเรื่องปกติของทุกปี แต่จะเติบโต 13% yoy ส่วนทั้งปี 61 ก็คาดว่ากำไรจะเติบโต 10% โดยคาดมีกำไรสุทธิ 37,900 ล้านบาท
ส่วนหนี้ของ บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) ราว 2,000-3,000 ล้านบาท ทาง KBANK ได้ตั้งสำรองฯไว้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายวิจัยคงจะต้องมีการทบทวนประมาณการ KBANK อีกครั้ง เนื่องจากมีเรื่องสงครามการค้า และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงในเรื่องของดิจิทัล ทรานฟอร์เมชั่น ที่ทำให้การทำธุรกรรมของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ประเมินได้ยาก