นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์อิงทางบวก ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ และเช่นเดียวกับดาวโจนส์ที่บวก 5 วันติดต่อกัน รวมทั้งราคาน้ำมันก็ปรับขึ้นเป็นวันที่ 9 ติดต่อกัน แตะจุดสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ หลังจากซาอุดิอาระเบียได้ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันลงในเดือน ม.ค.-ก.พ.62
ส่วนปัจจัยในบ้านเรามีแรงหนุนจากการเลือกตั้งที่ชัดเจนมากขึ้นว่าจะเกิดขึ้นได้ในเดือนมี.ค.นี้ หลังจากที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี คาดว่าจะประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งภายในเดือน ม.ค.นี้ และจัดเลือกตั้งไม่เกิน มี.ค.62
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามความคืบหน้าเรื่องการปิดหน่วยภาครัฐฯของสหรัฐฯ และการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ พร้อมให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,595-1,600 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ม.ค.62) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,001.92 จุด เพิ่มขึ้น 122.80 จุด (+0.51%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,986.07 จุด เพิ่มขึ้น 28.99 จุด (+0.42%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,596.64 จุด เพิ่มขึ้น 11.68 จุด (+0.45%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 132.65 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.45 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 170.59 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 32.94 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.08 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 15.25 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.11 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 19.79 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ม.ค.62) 1,587.63 จุด ลดลง 2.87 จุด (-0.18%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 897.80 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ม.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ม.ค.62) ปิดที่ 52.59 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ม.ค.62) ที่ 2.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.91 แกว่งแคบจากวานนี้ ตลาดจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ มองกรอบวันนี้ 31.85-32.00
- ผู้นำเข้าอียูขานรับปลดธงเหลืองประมงไทย คาด 6-12 เดือนเห็นผลชัดส่งออกไทยพุ่ง หลัง 4 ปีการสั่งซื้อลดลงจากความกังวลประมงผิดกฎหมาย แนะรัฐบาลไทยเข้มงวดต่อเนื่อง เล็งใช้เป็นตัวอย่างแก้ปัญหาให้เวียดนาม-อินเดีย ชี้แนวโน้มผู้บริโภคยุโรปต้องการสินค้าสด แนะไทยลงทุนผลิตซูเปอร์โฟรเซ่น
- ผลสำรวจค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่อสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ Q4/61 ระบุความเชื่อมั่นหดตัวลดลงจากไตรมาส 3/61 จาก 51.7 จุด ลงมาแตะ 50.4 จุด
- ผู้ว่าแบงก์ชาติเชื่อเศรษฐกิจไทยมีศักยภาพ ถึงแม้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว เตรียมเครื่องมือพร้อมในการดูแลเศรษฐกิจ ระบุปี 62 จีดีพีขยายตัวได้ 4% รับปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าทั้งในและต่างประเทศ ด้านเงินเฟ้อมองต่ำกว่าเป้าหมายไม่น่ากังวล ขณะที่นโยบายดอกเบี้ยยันยังต้องผ่อนคลาย
- ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือน ม.ค.62 มองอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่สามติดต่อกันอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว นักลงทุนกังวลความเสี่ยงจากนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ การไหลเข้าออกของเงินทุนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เชื่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน
- กระทรวงพลังงานเตรียมชงแผนพีดีพีฉบับใหม่เข้า กพช.24 ม.ค.นี้ แย้มเตรียมสรุปเปิดประมูลซื้อไฟ IPP นำร่องปี 62-63 จำนวน 1,400 เมกะวัตต์ในพื้นที่ภาคตะวันตกเสริมระบบ โรงไฟฟ้าภาคใต้ใหม่ 700 เมกะวัตต์และทดแทนโรงไฟฟ้าไตรเอ็นเนอร์จี้ที่จะหมดอายุปี 63 อีก 700 เมกะวัตต์ พร้อมนำร่องซื้อไฟโซลาร์ภาคประชาชนปีนี้ 100 เมกะวัตต์
*หุ้นเด่นวันนี้
- QH (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 3.70 บาท แนวโน้มกำไร Q4/61 จะเร่งขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y จากการโอนคอนโดใหญ่และมีมาร์จิ้นดีอย่าง Q Sukhumvit และได้รับผลกระทบจากมาตรการ ธปท. จำกัด เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็น Real Demand และเป็นแนวราบประเภทสร้างเสร็จก่อนขาย ซึ่งไม่ต้องมีการวางดาวน์ ในทางตรงข้าม ดอกเบี้ยที่ไม่รีบขึ้น จะเป็นบวกต่อกำลังซื้อในระยะถัดไป ด้านราคาหุ้นตอนนี้ใกล้เคียงมูลค่าทางบัญชี, PE2562 ต่ำเพียง 7 เท่า ค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 9 เท่า, และปันผลสูง 8-9% ต่อปี (เฉพาะ H2/61 ~5%)
- SCC (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 470 บาท คาดกำไร Q4/61 จะทรุดลงเหลือ 8,500 ล้านบาท (-10%QoQ, -32%YoY) จากขาดทุนในสต็อกในธุรกิจปิโตรเคมีประมาณ 2-2.5 พันล้านบาท คาดปี 2562 จะฟื้นตัวดีขึ้น จากธุรกิจปิโตรเคมีฯสเปรดที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี 600-700 เหรียญ/ตัน ธุรกิจปูนซีเมนต์จะฟื้นตัวดีขึ้น และธุรกิจแพคเกจจิ้งขยายตัวต่อเนื่อง ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขาย P/E ปี 2562 เพียง 10.9 เท่า และ มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 4.2%
- CPALL (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 85 บาท เป็นหุ้นที่ราคาไต่ขึ้นมา ถึง 5% นับตั้งแต่ต้นปี มองความเป็นหุ้นที่มีกำไรที่ไม่เหวี่ยงตัวมากและราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่ไม่สูง พร้อมคาดกำไร Q4/61 ไว้ที่ 5.6 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 7.5%QoQ และ 0.8%YoY จากช่วง high season เนื่องจากการบริโภคเพิ่มขึ้นและการตอบสนองที่ดีขึ้นจากโปรโมชั่นแสตมป์, ได้รับผลดีจากมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐต่อเนื่องไปในปี 2562 และ บ.ลูกคือ MAKRO เริ่มฟื้นตัว ราคาสินค้าอาหารสดหมูไก่อยู่ในแนวโน้มดีขึ้น และการขยายสาขาเป็นไปตามแผน พร้อมประมาณการกำไรปี 2561-2562 ที่ 20.9 พันล้านบาท และ 23.7 พันล้านบาทตามลำดับ