นายสุรพล รุจิกาญจนา กรรมการผู้จัดการ บมจ. ไดเมท (สยาม) หรือ DIMET กล่าวว่า สัปดาห์หน้าบริษัทจะเซ็นสัญญาร่วมธุรกิจกับบริษัท PPG AMERCOAT ซึ่งเป็นผู้ผลิตสีรายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 6 ล้านลิตร/ปี จากปัจจุบัน 3 ล้านลิตร/ปี ของกำลังผลิตเต็มที่ 4.3 ล้านลิตร/ปี และคาดว่าจะเห็นการลงทุนในครึ่งปีแรก
จากการหารือกับ PPG ในอนาคตอาจจะให้บริษัทขยายไลน์ไปทำสีพ่นรถยนต์จากปัจจุบันที่ปัจจุบันขายสีพ่นรถยนต์ในสัดส่วนเพียง 5% ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้บริษัทเพิ่มขึ้น และหากมีการเซ็นสัญญากับ PPG จะทำให้รายได้งวดปี 51 เติบโตมากกว่า 10%
"หากเราได้ PPG จะทำเรามี Gross Profit Margin เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่คาดว่าอยู่ที่ 35% และเชื่อว่าการที่เราเป็นพันธมิตรในการทำสีกันสนิมให้จึงไม่น่าจะยากที่จะขยายความร่วมมือ อีกทั้ง PPG เองก็ไม่ได้มีฐานการผลิตในประเทศไทย"นายสุรพล กล่าว
ด้านนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเสท โปร แมเนจเม้นท์ ที่ปรึกษาทางการเงิน DIMET กล่าวว่า แม้ว่า DIMET จะเข้าเทรดในช่วงที่สถานการณ์ตลาดผันผวน แต่ก็เชื่อว่าหุ้นจะได้รับความสนใจเนื่องจากราคาที่อยู่ในระดับต่ำที่ 1 บาท และหากในวันที่ 18 ม.ค.นี้ สามารถฟอร์มทีมรัฐบาลได้ ก็จะทำให้ตลาดหุ้นรีบาวน์ขึ้นมา และจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในการเข้ามาซื้อขายหุ้น และจากการไปโรดโชว์ที่หาดใหญ่ เชียงใหม่เมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่านักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นจำนวนมาก และมากกว่าจำนวนที่จัดสรร
ขณะที่นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้อำนวยการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) เชื่อว่าหุ้น DIMET จะเป็นหุ้นตัวใหม่ใน mai ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากดำเนินธุรกิจในด้านอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน และหากพิจารณาบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาด mai ในปี 50 จำนวน 6 บริษัทนั้น พบว่า 4 บริษัทราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือราคาจอง 83% ส่วนอีก 2 บริษัทราคาหุ้นต่ำกว่าราคาเสนอขาย 2-3% รวมถึงตลาด mai จะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองเท่าไหร่
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/นิศารัตน์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--