ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) หลังจากข้อมูลของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่ากิจกรรมด้านการผลิตในภาคโรงงานของสหรัฐร่วงลงอย่างรุนแรงและเกินความคาดหมาย นอกจากนี้ การที่วาณิชธนกิจเมอร์ริล ลินช์ เปิดเผยตัวเลขขาดทุนมูลค่ามหาศาล ยิ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดสินเชื่อของสหรัฐมากขึ้น ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 1,000 จุดแล้วนับตั้งแต่ต้นปี 2551
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 306.95 จุด หรือ 2.46% แตะระดับ 12,159.21 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 39.95 จุด หรือ 2.91% แตะระดับ 1,333.25 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดรูดลง 47.69 จุด หรือ 1.99% แตะระดับ 2,346.90 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 2.17 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.79 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดดีดตัวขึ้น แต่หลังจากนั้นไม่นานตลาดเริ่มถอยลงสู่แดนลบเมื่อเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียรายงานว่า กิจกรรมด้านการผลิตภาคโรงงานร่วงลงอย่างรุนแรงและเกินความคาดหมาย ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยเร็วกว่าที่ประเมินไว้
นอกจากนี้ นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในตลาดสินเชื่อมากขึ้น เมื่อเมอร์ริล ลินช์ ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่ของโลกเปิดเผยตัวเลขขาดทุนอย่างหนักถึง 9.91 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 เนื่องจากการตัดบัญชีหนี้สูญ อันเป็นผลมาจากการลงทุนในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพรม์)
นายจอห์น เตียน ผู้บริหารของใหม่ของเมอร์ริล ลินช์กล่าวว่า เขาเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้บริษัทขาดทุนมากขนาดนี้มาจากการตัดบัญชีหนี้สูญในตลาดซับไพรม์ และยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์ของเมอร์ริล ลินช์ในปี 2551 จะเป็นอย่างไร แม้บริษัทได้รับการอัดฉีดเม็ดเงินทุนเพิ่มขึ้นจากกองทุนต่างชาติเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม
นายจอหน์ โอโดนอฟ นักวิเคราะห์จากบริษัทโคเวน แอนด์ โค กล่าวว่า "นักลงทุนกังวลเรื่องเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำเป็นเวลาหลายเดือน และวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อ ซึ่งปัจจัยลบเหล่านี้รุมเร้าตลาดมาตั้งแต่ช่วงต้นปี และความวิตกกังวลยิ่งทวีคูณมากขึ้นเมื่อเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยข้อมูลการผลิตที่ย่ำแย่"
"นอกจากนี้ การที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนธ.ค.ร่วงลง 14% แตะระดับ 1.01 ล้านยูนิตซึ่งเป็นระดับที่อ่อนแอที่สุดในรอบกว่า 16 ปีนั้น ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยลงแล้ว" นายโอโดนอฟกล่าว
ทั้งนี้ หุ้นเมอร์ริล ลินช์ร่วงลงอย่างหนักถึง 10% หุ้นแอมแบค ดิ่งลงรุนแรง 52% หุ้นเอ็มบีไอเอ ร่วงลง 31% ส่วนหุ้นเฟิร์สท์ เนชั่นแนล ร่วงลง 13% หลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ประกาศลดอันดับเครดิตระยะยาวของเฟิร์สท์ เนชั่นแนล
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันในตลาดนิวยอร์กปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--