หุ้น TISCO ราคาไหลลง 2.16% มาอยู่ที่ 79.25 บาท ลดลง 1.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 157.24 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.20 น. โดยเปิดตลาดที่ 80.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 80.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 79.25 บาท
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัว"หุ้น บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) จากรายงานกำไรปี 61 ออกมาใกล้เคียงที่ตลาดคาด ขณะที่ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปี 62 ที่ 7.5 พันลบ.เติบโตในอัตราลดลงจาก +15%YoY เป็น +7%YoY จาก GDP growth ของปี 62 มีแนวโน้มชะลอลงและไม่มีกำไรจากการขายพอร์ต personal loan กับ credit card อย่างปีก่อน คาดสินเชื่อจะเติบโตได้ 3.3-3.5% และปรับมูลค่าพื้นฐานลงจาก 94.50 บาทเป็น 90.00 บาท อิง P/BV 1.76x คาดปันผลของปี 61 ที่ 5.50 บาท คิดเป็น Dividend Yield 6.8%
TISCO รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/61 ที่ 1.73 พันลบ. เติบโต +13%YoY, -5%QoQ ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปี 61 เติบโต +15%YoY ที่ 7.02 พันลบ.โดยในไตรมาส 4/61 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง -11%YoY , -3%QoQ ตามยอดสินเชื่อปี 61 ที่ลดลง -3.7% จากการขายพอร์ตสินเชื่อ personal loan และ credit card ให้กับ Citibank ในไตรมาส 2-3/61 ขณะที่สินเชื่อธุรกิจสาธารณูปโภคฯ และสินเชื่อจำนำทะเบียนยังเติบโตดี ส่วน NIM มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจาก 4.0% สู่ระดับ 3.9% ตาม yield ที่ อ่อนตัวลง หลังจากการขายพอร์ต personal loan และ credit card ซึ่งสวนทางกับ Cost of Fund ที่ขยับตัวขึ้น
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอ่อนตัวลง -16.5%YoY, -7.2%QoQ เนื่องจากไม่มีกำไรจากการโอนพอร์ตสินเชื่อ credit card และ investment gain เหมือนในไตรมาสก่อน ส่วนธุรกิจโบรกเกอร์และธุรกิจกองทุนเติบโตตามปริมาณการซื้อขายและความผันผวนในตลาดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวลง -7.5%YoY, -5.1%QoQ ตามปริมาณของ transaction ส่งผลให้ cost to income ทรงตัวที่ 43.7%
NPL เพิ่มขึ้นจากการปรับเกณฑ์การจัดชั้นฯที่เข้มงวด NPL เพิ่มขึ้นที่ระดับ 2.86% จาก 2.70% ในไตรมาสก่อน เนื่องมาจากไตรมาสนี้ธนาคารได้มีการปรับเกณฑ์ในการจัดชั้นคุณภาพสินทรัพย์ installment loan ในส่วนของสินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ให้มีความเข้มงวดขึ้นและมีการลำดับการตัดชำระเงินค่างวดในปัจจุบันที่ไม่สอดคล้องกัน โดยธนาคารจะมีการปรับปรุงระบบการตัดชำระเงินดังกล่าวให้แล้วเสร็จในปี 62 ซึ่งจะทำให้ NPL ลดลงมาสู่ระดับเดิม จาก NPL ที่เพิ่มขึ้นชั่วคราวขณะที่ credit cost ลดลง LLR Coverage จึงอ่อนตัวลงจาก 194% สู่ระดับ 170%