นายสมจินต์ ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ทหารไทย (TMBAM Eastspring) เปิดเผยว่า หลังอีสท์สปริง อินเวสต์เมนทส์ บริษัทจัดการลงทุนในภูมิภาคเอเชียของกลุ่มบริษัท พรูเด็นเชียล จำกัด ได้เข้าลงทุน บลจ.ทหารไทย (TMBAM) สัดส่วน 65%จากธนาคารทหารไทย(TMB) เมื่อต.ค.61 ได้ร่วมทำงานกับบลจ.ทหารไทย ช่วยทำให้เปิดโอกาสการลงทุน Global Market โดยได้ร่วมทำงานและออกกองทุนด้วยกันเป็นครั้งแรก คือกองทุนเปิดทีเอ็มบี อีสท์สปริง Asia Pacific Property Flexible (TMB-ES-APPF) จะเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 21-29 ม.ค.62 คาดว่านักลงทุนให้ความสนใจหลังจากกองทุนกองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส (TMBPIPF) มีนักลงทุนเข้าลงทุนแล้วถึง 3.6 หมื่นล้านบาทในช่วง 4 ปี มีการจ่ายปันผล 15 ครั้ง เพราะสามารถตอบโจทย์ให้กับนักลงทุน ซึ่งมีรายได้ที่ค่อนข้างเสถียรภาพ
"หลังความสำเร็จในการเป็นพันธมิตรร่วมกันระหว่าง TMB และพรูเด็นเชียลแล้ว TMBAM และอีสท์สปริงได้ทำงานร่วมกันใช้ความสามารถในท้องถิ่นและภูมิภาคผสานกับความเป็นมืออาชีพระดับสากลเพื่อพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ระดับโลกที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการลงทุนของผู้ลงทุนชาวไทย ซึ่งจากสภาวะตลาดในช่วงที่ผ่านมาที่มีความผันผวนค่อนข้างมาก ผู้ลงทุนไทยต่างมองหากองทุนที่จะสามารถลงทุนเพื่อการเติบโตในระยะยาว รวมทั้งมีโอกาสในการได้รับกระแสเงินสด เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของสินทรัพย์ทางเลือกอย่างอสังหาริมทรัพย์ในการช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนพิสูจน์ได้จากความสำเร็จของกองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมา ... สำหรับปีนี้เรายังได้นำเสนอกองทุนเปิดทีเอ็มบี อีสท์สปริง Asia Pacific Property Flexible เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการลงทุนไปยังภูมิภาคแห่งการเติบโตอย่างเอเชียแปซิฟิก เพื่อตอบโจทย์การลงทุนและเติมเต็มพอร์ตการลทุนของชาวไทย"นายสมจินต์ กล่าว
กองทุนเปิดทีเอ็มบี อีสท์สปริง Asia Pacific Property Flexible มีนโยบายลงทุนในทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในหมวดอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียแปซิฟิก เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย รวมถึงไทย มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง และมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน โดยกองทุนนี้ อีสท์สปริงเป็นผู้บริหารจัดการกองทุน และ TMBAM Eastspring จะดูแลในด้านโครงสร้างการลงทุนของกองทุนและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
นายสมจินต์ เชื่อว่าจังหวะการออกกองทุนก็มีส่วนสำคัญ โดยปัจจุบันการปรับตัวของราคา Property Class กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ โดยคาดให้อัตราผลตอบแทนประมาณ 6-8% ก่อนหักค่าใช้จ่าย และให้ลงทุนระยะยาว 3 ปีขึ้นไป ทั้งนี้คาดจะลงทุน REIT 65% และ ลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 36%
"ผมคิดว่าบทบาทของเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป บทบาทที่สำคัญที่ผ่านมาของ TMB Asset Mangement ก็คือ ทำให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จทางการเงิน สามารถจัดทัพลงทุนมุ่งวัตถุประสงค์ให้กับความฝันเขาได้ การที่เรามี อีสท์สปริง เข้ามาเป็นผู้ลงทุน เป็นพันธมิตรใหม่ จะช่วยเพิ่มมุมมองการลงทุนการเพิ่มโอกาสการลงทุนรวมทั้งการที่เราสามารถจะเข้าใจนักลงทุนมากขึ้น เรามีกลุ่ม Global Investor มาช่วยเรา"
ทั้งนี้ เอเชีย เป็นภูมิภาคมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี และองค์ประกอบที่สำคัญ มีการเติบโตของกลุ่มคนทำงาน ซึ่งมีอัตราค่าจ้างค่อยๆดีขึ้นกว่าภูมิภาคอื่น ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
"กองทุนนี้ลงทุนทั้ง REIT ทำให้กระแสรายได้ หรือ Yield Income ที่ค่อนข้างดี โดยมีอัตราผลตอบแทนของ REIT ในภูมิภาคเอเชียประมาณ 4.5-6.5% ทำให้ความผันผวนมีไม่มากจนเกินไป ขณะเดียวกั้นกองทุนนี้ลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งให้โอกาสการเติบโตของราคาด้วย คาดว่าจะให้ผลตอบแทน 2-3% เมื่อกองทุนนี้มีความยืดหยุ่นลงทุน Property ได้หลากหลาย ทำให้ความเสี่ยงลดลง"
นายสมจินต์ คาดว่ามีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ในปี 62 เติบโตดีกว่าปีก่อนที่มี AUM ที่ 3.8 แสนล้านบาท ซึ่งปรับตัวลง จากตลาดที่ปรับตัวลง ทั้งนี้ การออกกองทุนใหม่ในปีนี้ เห็นว่าจะมีกองทุนให้ครอบคลุมการลงทุนมากขึ้น โดยมี Fund Manager จัดทรัพย์สินที่คุ้มค่า และการที่มี อีสท์สปริง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะช่วยทำให้มีกองทุนครอบคลุมการลงทุนได้มากขึ้น โดยอีสท์สปริง เป็นบริษัทให้ความสนใจการลงทุนระยะยาว สนใจลงทุนระดับราคาที่คุ้มค่า ซึ่งตลาด Emerging ได้มีการปรับตัวราคาและกลับมาน่าสนใจ
ในช่วงปีที่ผ่านมา มาตรการภาครัฐในหลายประเทศที่พยายามเอื้อเศรษฐิจให้อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ ทำให้การลงทุนตราสาหรนี้ และพันธบัตรมีผลตอบแทนต่ำ แต่กองทุน Property เข้ามาตอบโจนทย์ และเห็นว่า กองทุน Sector นี้จะมีความสำคัญพอสมควร เป็น Class สำคัญ ทำให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงที่ดี อย่างไรก็ตาม แม้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นระดับที่ไม่สูง
ด้านนาย Bernard Teo , Head of Corporate Strategy, Mergers & Acquisition ของ Eastspring Investments กล่าวว่า ตลาดในไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจ และตลาดกองทุนรวม (Mutual Fund) เติบโตอย่างน่าสนใจมีการเติบโตที่ดี และมีการปฏิรูปเรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยในไทย มีกลุ่ม High Networth ถึง 1.7 แสนคน มูลค่าเงินลงทุน ราว 1.8 ล้านล้านบาท มีอัตราเติบโต 13% ในปี 60 การที่อีสท์สปริง เข้ามาเป็นหุ้นส่วนจะช่วยเร่งการเติบโต และร่วมมือในธุรกิจตลาดกองทุนรวมกับ บลจ.ทหารไทย รวมทั้ง ธนาคารทหารไทย(TMB) ด้วย ขณะที่พรูเด็นเชียล เข้ามาธุรกิจประกันชีวิตในไทยมากกว่า 20 ปีแล้ว มีลูกค้ามากกว่า 1.5 ล้านคน มูลค่าราว 1 แสนล้านบาท
นาย Colin Graham ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน (Chief Investment Officer) อีสท์สปริง กล่าวว่า ตลาดในปี 61 ที่ผ่านมาปรับตัวผันผวนรุนแรง โดยตลาดหุ้นได้ตอบรับเศรษฐกิจสหรัฐไปแล้วและเผชิญความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และในปี 62 มองภาพรวมตลาดหุ้นคาดว่าจะกลับมาให้ผลตอบแทนดีขึ้น จากการเติบโตของเศรษฐกิจโลก นโยบายการเงินลดความเข้มงวด มีสภาพคล่องการลงทุน ทั้งนี้ใ ห้ติดตามธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อท่าทีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยอีสท์สปริง มองว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ 1-2 ครั้ง โดยมีมุมมองบวกหุ้นสหรัฐ เน้นหุ้นเทคโนโลยี หลีกเลี่ยงตลาดหุ้นยุโรป ส่วนตราสารหนี้ อีสท์สปริงมีมุมมองบวกตราสารหนี้ในเอเชีย และอัตราแลกเปลี่ยน มีมุมมองบวกต่อค่าเงินอินโดนีเซีย แต่มีมุมมองลบ ต่อเงินยูโร และเงินไต้หวัน
อีสท์สปริง อินเวสต์เมนทส์ บริหารสินทรัพย์จำนวน 138,000 ล้านปอนด์ และเป็นหนึ่งในบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค มีสำนักงานในเอเชียมากถึง 10 แห่ง รวมทั้งสำนักงานในสหรัฐอเมริกาและยุโรป