นางสาวปณิตา ควรสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) กล่าวกับ"อินโฟเควสท์" โดยคาดหวังจะผลักดันกำไรสุทธิปี 62 ให้เติบโตจากปี 61 ตามเป้าหมายรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นมาแตะระดับ 9 พันล้านบาท จากยอดขายถ่านหินที่เพิ่มเป็น 4 ล้านตัน จาก 3 ล้านตันในปีที่แล้ว ขณะที่มองว่าราคาถ่านหินน่าจะทรงตัว แม้อาจจะมีความผันผวนระหว่างปีก็ตาม โดยยังต้องรอดูการกำหนดโควตาถ่านหินนำเข้าของจีนในปีนี้ด้วย
นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจบริการเป็น 10% ของรายได้ จากระดับ 5% ของรายได้ในปีที่แล้ว หลังจะมีกองเรือลำเลียงเพิ่มขึ้นเป็น 24 ลำ จาก 12 ลำในปีที่แล้ว ซึ่งจะสามารถรองรับความต้องการใช้บริการขนส่งทางน้ำของกลุ่มผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการขยายพื้นที่กองเก็บคลังสินค้าเพิ่มอีกราว 40 ไร่ ก็จะสามารถให้บริการแก่ลูกค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจบริการนับว่ามีมาร์จิ้นดีกว่าธุรกิจการค้าขายถ่านหิน ซึ่งช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น (gross margin) ในปีนี้ให้ดีขึ้นจากราว 9-10% ในปีก่อนด้วย
"เราก็จะพยายามผลักดันกำไรให้เพิ่มขึ้น เพราะปีนี้ก็จะไม่มีผลกระทบจากรายการพิเศษเหมือนปีที่แล้ว และการเพิ่มสัดส่วนรายได้ของธุรกิจบริการ ซึ่งมีมาร์จิ้นที่ดีกว่าถ่านหิน ก็น่าจะมีส่วนผลักดันกำไรได้เช่นกัน"นางสาวปณิตา กล่าว
AGE ยังไม่ได้เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 61 ขณะที่ในปี 60 มีกำไรสุทธิ 120.51 ล้านบาท และมีรายได้รวม 5.93 พันล้านบาท ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 61 มีกำไรสุทธิ 92.02 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการ 5.88 พันล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 1/61 บริษัทมีผลกระทบรายการพิเศษจากคดีฟ้องร้องเป็นจำนวนเงิน 30.27 ล้านบาท
นางสาวปณิตา กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะขยายท่าเรือท่าที่ 3 จากเดิมที่มีท่าเรือในการให้บริการอยู่แล้ว 2 ท่า ในบริเวณคลังสินค้า อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความสามารถในการขนถ่ายสินค้าหน้าท่าให้เพิ่มขึ้น โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่มากนักในระดับหลักสิบล้านบาท
สำหรับสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐและจีน ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณการขายถ่านหินของบริษัท โดยเห็นว่าปัจจัยที่จะกระทบจะมาจากการกำหนดโควตานำเข้าถ่านหินของจีนเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามบริษัทก็ได้วางแผนที่จะหันมาทำตลาดในกัมพูชา และเวียดนาม รวมถึงไทยเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับผลกระทบจากตลาดในจีน ขณะที่ตลาดในไทย ก็มีโอกาสเติบโตจากกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่จะขยายตัวได้ตามนโยบายกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐ โดยปีนี้วางเป้าหมายสัดส่วนรายได้การขายถ่านหินจากในประเทศราว 65% ส่วนที่เหลืออีก 25% มาจากต่างประเทศ
ส่วนค่าเงินบาท/ดอลลาร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในขณะนี้ มองว่าจะเป็นผลบวกต่อบริษัทเป็นผู้นำเข้าถ่านหินและรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทก็มาจากในประเทศเป็นหลักด้วย