DBSV วางเป้ารักษามาร์เก็ตแชร์ 5% เล็งเพิ่มสินค้า-ผลิตภัณฑ์ตปท.พร้อมชู AI ขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 16, 2019 16:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) (DBSV) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าจะรักษาส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (มาร์เก็ตแชร์) ในระดับ 5% โดยลูกค้าต่างประเทศยังคงมีปริมาณการซื้อขายเป็นหลัก จากขณะนี้บริษัทมีฐานบัญชีลูกค้าทั้งหมดประมาณ 30,000 บัญชี

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ เริ่มให้ความสนใจกับมาร์เก็ตแชร์น้อยลง แต่หันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมและครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากกว่า โดยในปีนี้บริษัทจะนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้เพื่อเสริมคำแนะนำด้านการลงทุน เพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเพิ่มสินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้านต่างประเทศมากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุน รวมถึงการเข้าหากลุ่มผู้ลงทุนกลุ่มใหม่ ๆ ผ่านเทคโนโลยีใหม่ และผลักดันมีการลงทุนเกิดขึ้นจริงมากขึ้น

นางภัทธีรา กล่าวว่า บริษัทมองว่าในปีนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจลงทุน โดยคาดว่าดัชนี (SET Index) ในปี 62 จะอยู่ที่ระดับ 1,780 จุด โดยมี P/E ที่ 15.5 เท่า ทั้งนี้ แนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ได่แก่ BDMS และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเลือก BBL มีความโดดเด่นที่สุด ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคและขนส่งเลือก BEM ส่วนกลุ่มอุปโภคบริโภคเลือก CPALL เป็น Top Pick

ขณะเดียวกันภายในปี 62 จะได้เห็นการเปิดตัวของตลาดซื้อขายสินทรัพย์ประเภทดิจิทัล ที่นอกเหนือจากการซื้อขายหุ้น โดยมองว่าตลาดฯของไทยมีความน่าเชื่อถือ และมีแหล่งเงินทุนเพียงพอ

นอกจากนั้น นางภัทธีรา ยังกล่าวในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยว่า สมาคมฯ ได้มีการพูดคุยกับให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อให้แยกประเภทการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านระบบ AI ออกมาให้ชัดเจนจากการซื้อขายผ่านระบบอื่น ๆ โดยคาดว่าจะได้เห็นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 เพื่อให้ ตลท.สามารถกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งทางบริษัทหลักทรัพย์เองก็จะต้องมีระบบควบคุมดูแลภายในด้วยเช่นกัน

ด้านนายธนวัฒน์ ปัจฉิมกุล ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ การลงทุนต่างประเทศ DBSV กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะมีการเติบโตที่ชะลอตัวลง ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัยต่อเนื่องจากปี 61 ที่ประเทศสหรัฐฯ เติบโตสูงกว่าปกติ เพราะมีมาตรการการคลัง การเพิ่มการใช้จ่ายรัฐบาลหลายด้าน เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจเติบโตมากกว่าปกติ ดังนั้นในปี 62 จึงมีแนวโน้มเติบโตที่ชะลอลง ปัจจัยถัดมาคือความตึงเครียดด้านการค้าสร้างความไม่แน่นอนให้กับภาคธุรกิจ ส่งผลให้มีการชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน เป็นผลทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตชะลอลงไปอีก

นอกจากนี้ยังมีปัญหาการเมืองในยุโรปที่นอกเหนือจากเรื่องกาที่อังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภายุโรป (Brexit) ที่ยังต้องรอดูว่าจะจบลงอย่างไร กระทบกับเศรษฐกิจยุโรปมากน้อยเพียงได และช่วงวันที่ 23-26 พ.ค.จะมีการเลือกตั้งรัฐสภายุโรป คาดว่าจะได้ผู้นำคนใหม่ ซึ่งการเปลี่ยนผู้นำเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในทิศทางของนโยบายด้วย

นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ DBSV กล่าวอีกว่า ด้านปัจจัยในประเทศยังคงต้องติดตามภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่เคยพึ่งพิงการส่งออกถึง 60% ในขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัว รวมไปถึงตัวเลขนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทย หากประเทศจีนยังมีเศรษฐกิจที่เติบโตชะลอลงต่อเนื่องก็อาจจะกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยด้วย และยังต้องรอติดตามความชัดเจนของการเลือกตั้งว่าจะมีความชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้งเมื่อใดด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ