นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของราคาหุ้น MTC ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา เกิดจากความกังวลว่าบริษัทฯอาจต้องมีการจัดชั้นลูกหนี้ใหม่ เช่นเดียวกับสถาบันการเงินบางแห่ง และทำให้ต้องมีการกันสำรองฯมากขึ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวขอยืนยันว่า ทาง MTC ได้บันทึกการลงบัญชีโดยนำเงินค่างวดไปตัดเงินต้นและดอกเบี้ยค้างจ่ายพร้อมกันตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่แล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อการรับรู้รายได้และดอกเบี้ยที่ลดลง ดังนั้น ทาง MTC จึงไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดชั้นลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ใหม่แต่อย่างใด
"ที่นักลงทุนกังวลว่าเราอาจต้องมีการจัดชั้นลูกหนี้ใหม่ แล้วทำให้ดอกเบี้ยรับลดลงและ NPL เพิ่มขึ้น ให้ลืมไปได้เลยครับ เพราะเราปฏิบัติตามเกณฑ์ ธปท. อยู่แล้ว เพราะเราคำนึงถึงความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และที่สำคัญหนี้ NPL ของบริษัทฯ ต่ำมากเมื่อเทียบกับในระบบ และบริษัทฯยังวางเป้าคุมสัดส่วนหนี้ NPL ในปีนี้ไม่เกิน 2.0% จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.26% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระบบ"
นายชูชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2562 บริษัทฯเตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขา ส่งผลให้สิ้นปีนี้มีสาขากว่า 3,900 สาขาทั่วประเทศ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกันยังตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 35% ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 40% และพร้อมปฏิบัติตามเกณฑ์ใหม่ของสินเชื่อส่วนบุคคล (P-loan) แบบมีหลักประกัน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธปท. ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ P-loan ที่ธปท.เตรียมประกาศใช้จะเพิ่มโอกาสในการเติบโตให้บริษัทฯ เนื่องจากปัจจุบันบมี P-Loan ทั้งสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อรถจักรยานยนต์ ซึ่งตามเกณฑ์ใหม่ กำหนดเพดานดอกเบี้ยไว้ที่ 28% โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 23% ทำให้มีช่องว่างในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น
ราคาหุ้น MTC ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 46.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.54% โดยระหว่างวันราคาหุ้นปรับลงแตะ 42.50 บาท ต่ำสุดรอบเกือบ 4 เดือน