นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ จากสัญญาณเชิงบวกจาก Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติที่ได้ซื้อสุทธิติดต่อกันมาหลายวันทำการแล้ว แม้ว่านักลงทุนสถาบันในประเทศยังปรับพอร์ตการลงทุนทำให้ไปกดดันตลาดฯ โดยปรับพอร์ตหุ้นที่มีน้ำหนักการถือครองมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อย่างหุ้นในกลุ่มการเงิน และกลุ่มปิโตรเคมี แต่ก็ได้มีการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นที่ยังถือครองน้อย ซึ่งก็ประเมินว่าเป็นหุ้นในกลุ่มอาหาร, โรงกลั่น, ท่องเที่ยว
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยปัจจัยเรื่องข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะมีการนำแผนใหม่ไปเสนอต่อรัฐสภาอังกฤษในวันจันทร์หน้า หากไม่ผ่านก็อาจจะทำให้ภาพการเมืองของอังกฤษมีความเสี่ยงสูงขึ้น
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,570-1,590 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ม.ค.62) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,207.16 จุด พุ่งขึ้น 141.57 จุด (+0.59%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,616.10 จุด เพิ่มขึ้น 5.80 จุด (+0.22%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,034.69 จุด เพิ่มขึ้น 10.86 จุด (+0.15%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 101.48 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.16 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 51.11 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 9.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.04 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.44 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 7.13 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 1.72 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ม.ค.62) 1,577.41 จุด เพิ่มขึ้น 0.41 จุด (+0.03%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,836.07 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ม.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ม.ค.62) ปิดที่ 52.31 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ม.ค.62) ที่ 2.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.62 แข็งค่าต่อเนื่องสวนทางภูมิภาค รับเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้น
- "เวิลด์แบงก์"หั่น"จีดีพี"ไทยปีนี้ เหลือ 3.8% แต่มีความยืดหยุ่นสูง ทั้งปรับตัวได้ดีในช่วงโลกเผชิญสงครามการค้า เชื่อผู้ส่งออกหาตลาดทดแทนได้ แนะจับตาเศรษฐกิจจีน หากชะลอ 1% ส่อฉุดไทยร่วง 0.5% ด้าน"พีดับบลิวซี"ประเมินเศรษฐกิจโลกปีนี้ส่อชะลอแตะ 3% ขณะ"กสิกรไทย"ฟันธงแนวโน้มบาทแข็ง หลังต่างชาติ มองไทยเป็นแหล่งปลอดภัย
- ตลาดหลักทรัพย์ เตรียมยื่นขอไลเซ่นส์ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล คาดเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้ เผยโบรกเกอร์พร้อมใจสนับสนุนการซื้อขาย มองได้เปรียบ เรื่องฐานทุน ความน่าเชื่อถือ ด้าน ก.ล.ต. เปิดตัว เว็บ "เสี่ยงสูง.com" ให้ความรู้สินทรัพย์ดิจิทัล
- "บิ๊กตู่" ย้ำ เลือกตั้งมีแน่ ตามกรอบก่อน 9 พ.ค. ยื้อไม่ได้ แต่ขอให้บ้านเมืองสงบในระหว่างมีพระราชพิธีฯ "บิ๊กป้อม" ลั่น ชุมนุม "คนอยากเลือกตั้ง" ไม่ให้ลากยาว เผยทุกคนรู้ เลือกตั้งต้องเกิด 150 วัน โวลงพื้นที่ภาคเหนือประชาชนเชียร์ "ลุงตู่" อยู่ต่อ
- แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ประกาศงดสร้างคอนโดใหม่ ชี้สารพัดปัจจัยไม่เอื้อ ทั้งภาวะเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยขาขึ้น ธปท.คุมเกณฑ์สินเชื่อ ยันส่งผลกระทบต่อคอนโดโดยตรง แนะผู้ประกอบการระวังตัว มั่นใจปี 62 ภาคอสังหาฯทั้งระบบเปิดตัวโครงการลดลง
*หุ้นเด่นวันนี้
- IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 65 บาท มองราคาหุ้นที่ลดลงกว่า 13.5% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาสะท้อนคาดการณ์กำไรสุทธิที่อ่อนใน Q4/61 ไปบ้างแล้ว แนวโน้มกำไรปีนี้ยังแข็งแกร่งจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากผลบวกในการเข้าซื้อกิจการในช่วงที่ผ่านมา
- MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 60 บาท ราคาหุ้นทรุดตัวจากความกังวลเรื่องการจัดชั้นหนี้ใหม่มากเกินไป ผู้บริหารชี้แจงวานนี้ว่า MTC มีวิธีการปฏิบัติกับลูกหนี้ที่ค้างชำระเหมือนกับวิธีการ TISCO ที่กำลังทำอยู่แล้ว ดังนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมีการจัดชั้นหนี้ใหม่และ NPL จะเพิ่มขึ้นอย่างที่เกิดขึ้นกับ TISCO ขณะที่ NPL ล่าสุดยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 1.5% ของสินเชื่อรวม และ Coverage ratio ยังสูงราว 200% พร้อมคาดกำไร Q4/61 ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องแตะ 1 พันล้านบาท +35% Y-Y ขณะที่ ทั้งปี 2561 คาดโต 52% Y-Y อยู่ที่ 3.81 พันล้านบาท และโตต่ออีก 42% Y-Y อยู่ที่ 5.39 พันล้านบาทในปี 2562
- LH (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 11.40 บาท ปีนี้บริษัทบริหารความเสี่ยงด้วยการเน้นโครงการบ้านเดี่ยว และธุรกิจค่าเช่า และงดการเปิดโครงการคอนโดมิเนียม นอกจากนี้มีปัจจัยบวกจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ LH ให้ตอบแทนจากเงินปันผลเด่นที่สุดในกลุ่มที่ประมาณ 7.5% ต่อปี
- BBL (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 240 บาท คาดว่ากำไรจะเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องใน Q4/2561 ด้วยแรงหนุนจาก 1) การขยายตัวของ yield จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น 2) การตั้งสำรองลดลง QoQ จากการที่ตั้งไปเยอะแล้วตั้งแต่ต้นปี และคุณภาพสินเชื่อที่ทรงตัวและ 3) รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่ดีขึ้น (จากกองทุนรวม ประกันผ่านธนาคารและค่าธรรมเนียมสินเชื่อ) ทั้งนี้ BBL เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม เพราะธนาคารจะได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น วัฏจักรการลงทุนเชิงบวก คุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น และงบดุลที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ