นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) เปิดเผยว่า จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดประชาพิจารณ์ให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลคืนไลเซนส์ช่องทีวีดิจิทัล เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจสามารถคืนใบอนุญาตได้นั้น ทางบริษัทประเมินว่าจะไม่กระทบกับธุรกิจจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่ JKN เป็นผู้จำหน่ายแต่อย่างใด เนื่องจากคู่ค้าที่ซื้อลิขสิทธิ์ซี่รีส์อินเดียและฟิลิปปินส์ออกอากาศทางสถานีนั้น ล้วนเป็นคู่ค้าที่มีความแข็งแกร่งทางด้านสถานะการเงินและแต่ละรายก็มีเป้าหมายที่ต้องการทำธุรกิจทีวีดิจิทัลในระยะยาว
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นจากการประเมินบริษัทพันธมิตรคู่ค้าของ JKN ได้ให้ความมั่นใจว่าจะยังคงทำธุรกิจทีวีดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มพันธมิตรคู่ค้าของบริษัท ก็เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจทีวีดิจิทัลของไทย อีกทั้งลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่ JKN จำหน่ายให้แก่สถานีเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ไม่ใช่แค่เพียงในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลของไทย ไปยังตลาดต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากช่อง 3 ก็ได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการสถานีทีวีดิจิทัลหลายรายในต่างประเทศ ที่เป็นฐานสำคัญในการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคตอีกด้วย นอกจากนั้นตนและครอบครัวไม่มีนโยบายจะขายหุ้นที่ถืออยู่ออกมาอย่างแน่นอน
"JKN มั่นใจว่าการเปิดให้คืนใบอนุญาตจะไม่กระทบกับธุรกิจ เพราะพันธมิตรคู่ค้าของเรามีความแข็งแกร่ง เป็นผู้นำในช่องทีวีดิจิทัล และมีเป้าหมายที่ต้องการดำเนินธุรกิจทีวีดิจิทัลอย่างจริงจัง ดังนั้น ความร่วมมือกันยังเป็นไปเช่นเดิม โดย JKN มองว่าสำหรับการงดเว้นค่า ไลนเซ่นส์ 2 งวดสุดท้าย จะช่วยต้นทุนของผู้ประกอบการ ทำให้มีเงินลงทุนในด้านคอนเทนต์มากขึ้น ซึ่งส่งผลบวกต่อ JKN นอกจากนี้แผนงานที่เราต้องการขยายไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มเติมในปีนี้ ซึ่งถือเป็นตลาด Blue Ocean ที่ JKN จะนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปจำหน่ายเพิ่มเติม จะทำเป็นหนึ่งในคีย์แห่งความสำเร็จในปีนี้ที่จะผลักดันเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง"นายจักรพงษ์ กล่าว
ราคาหุ้น JKN เช้านี้ฟื้นตัวมาที่ 6.40 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 3.23% หลังจากวานนี้ปรับลงแตะ 6 บาท ต่ำสุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อ 30 พ.ย.60
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งเพิ่มเติมว่าเมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) นายประยงค์ วนิชสุวรรณ ได้ขายหุ้น JKN จำนวน 0.79% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลมีจำนวนหุ้นภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 4.62% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ