นายพิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ (APCO) เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปี 62 คาดว่าจะปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ จากการส่งออกผลิตภัณฑ์ให้กับพันธมิตรประเทศจีน แผนการขยายฐานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Operation BIM ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการรุกตลาดผ่าน Social Media และรายการทีวี โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตปีนี้ 5-10% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 80%
อย่างไรก็ตามแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสที่ 1/62 ยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังเศรษฐกิจไทยมีภาวะชะลอตัว ส่งผลต่อยอดขายและกำลังซื้อภายในประเทศ จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากในประเทศ 90% และจากต่างประเทศ 10% อย่างไรก็ดี บริษัทเชื่อว่าแนวโน้มจะกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้นหลังไทยจัดการเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาอีกราว 6 เดือนข้างหน้า
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ บริษัทจะพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างยอดขายให้เติบโต แตกต่างจากเดิมที่เน้นการสร้างยอดขายจากการทำการตลาด โดยตั้งงบลงทุนสำหรับงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในโครงการที่ร่วมกับจีนราว 5 ล้านบาท และสำหรับโครงการที่ร่วมกับสถาบันมะเร็งภายในประเทศราว 2-3 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ตั้งงบการทำการตลาดไว้เดือนละ 2-3 ล้านบาท เพื่อทำตลาดผ่านช่องทางรายการโทรทัศน์, รายการใน LINE TV และสื่อ Social Media ทุกรูปแบบ เพื่อกระตุ้นยอดขายในประเทศให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายพิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนขยายตลาดไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นมีการศึกษาตลาดในจีนเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศที่จากเดิมอยู่ที่ระดับ 10% ให้เติบโตมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพิงสัดส่วนรายได้ในไทย ซึ่งหากการขยายตลาดไปยังจีนประสบความสำเร็จ ในระยะถัดไปบริษัทมองโอกาสการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น
โดยการขยายตลาดในจีน อยู่ระหว่างการทดลองและขออนุมัติจากองค์การอาหารและยา (อย.) ประเทศจีน สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 4 ชนิด ซึ่งหากผลิตภัณฑ์ทุกชนิดได้รับการอนุมัติแล้ว คาดว่าจะส่งผลให้สัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ยังมีความสนใจผลิตภัณฑ์ LIV สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ซึ่งบริษัทได้เข้าไปศึกษากลุ่มเป้าหมายและมีการทดสอบผลิตภัณฑ์ที่ประเทศจีนแล้ว คาดว่าจะเห็นผลการทดสอบภายในเดือนพ.ค.นี้ และจะมีการทำสัญญาสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายอย่างแพร่หลายในประเทศจีนต่อไป
นอกจากนี้บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยเอดส์ และ HIV ได้อย่างรวดเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น โดยปัจจุบันบริษัทถือเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทยด้านประสิทธิภาพในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากพืช โดยการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกายช่วยทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ภายใน 6 เดือน
โดยผลิตภัณฑ์ Operation BIM ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก บริษัทมีแผนการขยายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ LIV สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ทั้งในและต่างประเทศ โดยมุ่งเป้าการจำหน่ายในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น 50% เช่นเดียวกับปีที่แล้ว อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมก่อตั้งบริษัทร่วมทุนกับผู้บริหาร LGBT Foundation เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ LIV ไปยังประเทศตะวันตกด้วย
ส่วนผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์กับองค์กรของรัฐ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในระดับประเทศ และสามารถส่งผลไปยังการจำหน่ายไปยังต่างประเทศด้วย ซึ่งความสำเร็จของผลิตภัณฑ์เชื่อว่าจะผลักดันให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 62