นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดแผนและยุทธศาสตร์ในปี 2562 ให้เป็นปีแห่งการสร้างมูลค่า (Value) ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาที่ได้ลงทุนเป็นจำนวนมาก เพื่อวางรากฐานการเติบโต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และขีดความสามารถการแข่งขันของไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป ทั้งในระดับประเทศ และต่างประเทศ โดยในปีนี้ ตั้งงบลงทุนไว้ไม่เกิน 1,000 ล้านบาท สำหรับรองรับการขยายการลงทุนเพิ่มเติม ขณะที่คาดว่ารายได้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ รับอานิสงส์ราคาเนื้อไก่และเนื้อสุกรอยู่ในช่วงขาขึ้น
"มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะขยายตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มราคาเนื้อไก่ และสุกร ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ขณะเดียวกันธุรกิจอาหารสัตว์ในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น หลังจากที่บริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตอาหารสัตว์ เพื่อขายให้กลุ่มลูกค้านอกเครือมากขึ้น"นายวินัย กล่าว
นายวินัย กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ลดต้นทุนนั้น บริษัทดำเนินการลดต้นทุนจากการบริหารจัดการให้ดีขึ้น เช่น การบริหารจัดการการเก็บสินค้าคงเหลือ การบริหารจัดการระบบการขนส่ง การจัดการสั่งซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์ เป็นต้น และบริษัทยังลดต้นทุนจากการเพิ่มประสิทธิภาพของไลน์ผลิตจากการลงทุนในเครื่องจักร Automation ซึ่งจะทำให้บริษัทมี Cost Saving เกิดขึ้นจากการดำเนินการและเริ่มเห็นผลตั้งแต่ต้นปี 2562
ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายการลงทุนเป็นจำนวนมาก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสร้างมูลค่า ซึ่งในปีนี้จะเริ่มเก็บเกี่ยวสิ่งที่เกิดขึ้นจากการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นโรงอาหารสัตว์ใหม่ ที่เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 190,000 ตัน/เดือน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา กำลังการผลิตอยู่ที่ 120,000 ตัน/เดือน และเตรียมบุกตลาดมากขึ้น จากปัจจุบันมีปริมาณขายนอกเครือเพียง 20% โดยวางเป้าในช่วง 2-3 ปี ข้างหน้าสัดส่วนขายนอกเครือจะเพิ่มขึ้นเป็น 50%
ด้านโรงงานไก่ปรุงสุก ในปีนี้ จะเป็นพระเอก ชูโรงช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปัจจุบันมีออร์เดอร์ของลูกค้าจากต่างประเทศเข้ามาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ในส่วนของโรงฟักลูกไก่ ที่ได้ขยายการลงทุนในปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตลูกไก่ได้มากขึ้น รวมถึงการเพิ่มผลผลิต จากแม่สุกร ที่สามารถผลิตลูกสุกรได้มากขึ้น และการสูญเสียที่น้อยลง จากการนำเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาใช้ ส่งผลให้สามารถส่งลูกไก่ และลูกสุกร ป้อนตลาดได้มากขึ้น ทำให้คาดว่ารายได้จากต่างประเทศจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่บริษัทพยายามเจาะตลาดใหม่ ๆ และส่งสินค้าใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) สูง เข้าไปบุกตลาดต่างประเทศ ซึ่งมีความต้องการเป็นจำนวนมาก