นายซุง ซิก ฮอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซี เอ แซด (ประเทศไทย) (CAZ) เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าหุ้น CAZ ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก ในวันพรุ่งนี้ (22 ม.ค.) จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน จากผลประกอบการของบริษัทในแง่ของรายได้ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องราว 30-40% ต่อปี และในปี 62 ก็คาดว่ารายได้จะเติบโตกว่าปีก่อน และคาดอัตรากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เติบโต รวมถึงจะยังรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่เฉลี่ย 10-12% จากการควบคุมต้นทุนได้ดีต่อเนื่อง
ณ วันที่ 31 ก.ย.61 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ราว 2.8 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 63 และยังอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่อีกหลายงาน โดยเฉพาะงานของกลุ่มบมจ.ปตท. (PTT) ที่จะมีการออกประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 5 ปีนี้ ส่งผลดีต่อบริษัทที่จะมีงานเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ ภายหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเข้าไปรับงานได้เพิ่มมากขึ้น หรือสามารถรับงานได้ประมาณ 3 พันล้านบาทต่อปี จากเดิมที่รับงานได้ประมาณ 1 พันล้านบาทต่อปี โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้เพิ่มความสามารถของการรับงานในอนาคต โดยจะใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันแก่ธนาคารพาณิชย์ เนื่องด้วยปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยวงเงินค้ำประกันเพิ่มแล้ว ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และซื้ออุปกรณ์ก่อสร้าง
"เรามีความมั่นใจในพื้นฐานของบริษัทที่จะยังมีการเติบโตต่อเนื่อง จากประสบการณ์การทำงาน และการเข้าไปรับงานโครงการต่าง ๆ เนื่องจากเรามี connection จากทางประเทศเกาหลี แต่ Sentiment ภาวะตลาดมองว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ เราจะรอไม่ได้แล้ว เพราะเราต้องการเดินหน้าการดำเนินงานอย่างเต็มที่ ซึ่งหากเราสามารถแก้ไขปัญหาในเรื่องของเงินที่จะใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันแก่ธนาคารพาณิชย์ก็จะทำให้เราสามารถเข้าไปรับงานเพิ่มขึ้นได้"
นายซุง ซิก ฮอง กล่าวอีกว่า ต้องการให้นักลงทุนมองการลงทุนหุ้นบริษัทในระยะยาวจากพื้นฐานของบริษัทที่ยังมีความแข็งแกร่ง และความสามารถในการรับงานในอนาคต อย่ามองเพียงระยะสั้นหรือแค่ทำกำไรเท่านั้น
สำหรับ CAZ เป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรม การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการบริหารจัดการงานรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจรในกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมี เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในทุกขั้นตอน โดยช่องทางการรับงานมีทั้งการให้บริการตรงจากบริษัทเจ้าของโครงการ (Project Owner) และจากบริษัทผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) โดยการให้บริการส่วนใหญ่เป็นงานที่มีความซับซ้อน และมีมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยที่เข้มงวด ทำให้ต้องอาศัยความชำนาญ
ลักษณะงานและการบริการแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่ 1.บริการรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร (Engineering, Procurement and Construction: EPC) 2.บริการรับเหมาก่อสร้างติดตั้งโครงสร้างและระบบ (Structural Mechanical Piping (SMP) and Electrical and Instrument Service) 3.บริการงานด้านวิศวกรรมโยธาและอาคาร (Civil and Building Service) และ 4.บริการผลิต ประกอบ และบริการอื่น (Fabrication and Other Service)
ด้านนายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ CAZ กล่าวอีกว่า หุ้น CAZ น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าซื้อขายวันแรก จากปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้เปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น ที่ราคา 3.90 บาท คิดเป็น 28.57% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
"CAZ จะเป็นหุ้น IPO อีกตัวหนึ่งที่มีความน่าสนใจ และมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อีกมาก ประกอบกับการระดมทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถทางด้านแหล่งเงินทุน เพื่อเข้ารับงานโครงการมากขึ้นในอนาคต"นายรัฐชัย กล่าว
ด้านนางปิยะภา จงเสถียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ CAZ กล่าวเสริมว่า แผนการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มความสามารถของการรับงานในอนาคต โดยการใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันแก่ธนาคาร และลงทุน เพื่อซื้ออุปกรณ์ในการประกอบธุรกิจและการพัฒนาด้านไอที และการระดมทุนครั้งนี้ยังช่วยให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทลดลง ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มช่องทางในการจัดหาเงินทุนมากขึ้นในอนาคต และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
"เรามองว่าการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เพราะว่าธุรกิจของบริษัทที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะช่วยรองรับการให้บริการรับเหมาก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นในอนาคต"นางปิยะภา กล่าว