นายกอบเกียรติ บุญธีรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเชีย เวลท์ เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจและกลยุทธ์ปี 62 บริษัทตั้งเป้าพลิกมีกำไรสุทธิ จากการเพิ่มค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ให้สูงกว่าอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันอยู่ที่ 0.125% รวมถึงการมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ขณะเดียวกันจะพยายามรักษาระดับมาร์เก็ตแชร์ไว้ที่ 2% จากเดิมที่เคยทำได้ 4-5% เนื่องจากได้รับผลกระทบเพราะเจ้าหน้าที่ย้ายค่ายไปบล.แอพเพิล เวลธ์ ที่ได้ขอซื้อสาขา 3 แห่ง และชั้น 7 ของสำนักงานตึกเมอร์คิวรี่
บริษัทยังวางเป้าหมายล้างขาดทุนสะสม จากการทำกำไรสุทธิติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 ปีขึ้นไป นับจากปีนี้ เพื่อปูทางนำพาให้บริษัทแม่ คือบริษัท เอเชีย เวลท์ โฮลดิ้ง จำกัด เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ได้ภายในปี 65
"เป้าหมายของผมคือต้องการให้บริษัทพลิกกลับมามีกำไร และทำกำไรอย่างต่อเนื่อง และลูกค้าได้รับการบริการที่ดี"นายกอบเกียรติ กล่าว
นายกอบเกียรติ กล่าวว่า บริษัทจะมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การนำระบบ AI เข้ามาเสริมทัพให้กับเจ้าหน้าที่ผู้แนะนำการลงทุน (Investment Consultant หรือ IC) เพื่อให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น ตลอดจนจัดหาโปรแกรมใหม่ ๆ ให้ลูกค้าได้ใช้ผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตเทรดดิ้งบนมือถือ โดยได้มีการปรับกลยุทธ์การลงทุนให้ลูกค้าสามารถเลือกลงทุนได้ตามรูปแบบการลงทุนของตัวเองและเหมาะกับสถานการณ์ตลาด โดยยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งทีมงานวิจัยและวิเคราะห์หลักทรัพย์ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคพร้อมสนับสนุนข้อมูลในเชิงลึกอย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์ด้วยการ Live สดผ่าน Facebook
ส่วนการบริการด้านต่าง ๆ บริษัทพร้อมให้บริการทั้งเป็นตัวแทนนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage), ด้านงานวาณิชธนกิจ (Investment Banking: IB), งานด้านค้าตราสารหนี้ (Fixed Income), ตัวแทนขายและแนะนำการลงทุนในกองทุนรวม (Mutual Fund) ธุรกิจให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) และการทำ Block Trade โดยตั้งเป้าในอนาคตจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจตัวแทนนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ลดลงเหลือ 50-60% จากปัจจุบันอยู่ที่ 100% เพื่อลดความเสี่ยงจากรายได้ค่าธรรมเนียม ที่ปัจจุบันยังคงมีการแข่งขันสูง และเป็นการกระจายรายได้ไปยังธุรกิจอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้และกำไรสุทธิให้ดีขึ้น
"ในธุรกรรมทั้ง 5 ด้านนี้ บริษัทได้มีบุคลากรที่เป็นมืออาชีพไว้รองรับและให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่และพร้อมจะเสริมทีมงานเพิ่มขึ้นหากธุรกรรมเพิ่มมากขึ้นในอนาคต จากปัจจุบันบริษัทมีทีมมาร์เกตติ้งไม่ถึง 10 คน จึงขอให้นักลงทุนทั้งที่เป็นลูกค้าบริษัท และที่ยังไม่ได้ใช้บริการของเราสามารถติดต่อเข้ามาได้ในหน่วยงานทั้ง 5 นี้หรือติดต่อมาที่สำนักประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือผมได้ตลอดเวลา" นายกอบเกียรติ กล่าว
นายกอบเกียรติ กล่าวว่า บริษัทจะกลับมามุ่งเน้นงานวาณิชธนกิจ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารเพื่อขอกลับมาทำธุรกิจงานที่ปรึกษาการเงิน (Financial Adisory) กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะทราบผลภายในเดือนก.พ.นี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานวาณิชธนกิจในมือพร้อมจะสร้างรายได้ทันทีภายในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นดีลการซื้อกิจการ (M&A) และเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) รวม 3-5 ดีล ที่พร้อมเซ็นแต่งตั้งเมื่อได้อนุมัติไลเซ่นส์จากสำนักงานก. ล. ต. ทันที
อีกทั้งจะเป็นบริษัทหลักทรัพย์แรกที่จะขอทำธุรกิจผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) เพื่อช่วยนักธุรกิจไทยสามารถระดมทุนผ่านเครื่องมือทางการเงินรูปแบบใหม่ (STD) ภายใต้ทีมงานที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในนวัฒกรรมนี้มาร่วมงานกับบริษัทซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้ของบริษัท
ส่วนธุรกิจค้าตราสารหนี้นั้น บริษัทกำลังจัดทำเรื่องเพื่อขออนุมัติสำนักงานก.ล.ต. ในการกลับเข้ามาทำธุรกรรมได้หลังจากหยุดไป 1-2 ปีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสำนักงานก.ล.ต. จะรับพิจารณาให้บริษัทสามารถทำธุรกิจนี้ได้อีกครั้งหนึ่ง
พร้อมกันนี้บริษัทก็อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจในต่างประเทศ จำนวน 3 ราย ได้แก่ ประเทศฮ่องกง อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อร่วมทำธุรกิจโบรกเกอร์ ในการขยายช่องทางบริการ และรองรับลูกค้าที่ต้องการลงทุน หรือซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในไตรมาส 2/62