หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าขยับขึ้นยกแผง โดยเมื่อเวลา 14.38 น.นำโดยหุ้น BCPG บวก 1.90% มาอยู่ที่ 16.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 98.31 ล้านบาท
หุ้น GPSC บวก 3.86% มาอยู่ที่ 60.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 239.71 ล้านบาท
หุ้น GUNKUL บวก 1.33% มาอยู่ที่ 3.04 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท มูลค่าซื้อขาย 19.05 ล้านบาท
หุ้น BGRIM บวก 0.86% มาอยู่ที่ 29.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 179.51 ล้านบาท
หุ้น BPP บวก 0.89% มาอยู่ที่ 22.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 16.37 ล้านบาท
หุ้น SUPER บวก 5.66% มาอยู่ที่ 0.56 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท มูลค่าซื้อขาย 100.85 ล้านบาท
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ลุ้นความคืบหน้าแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า(PDP)ของประเทศไทย ฉบับใหม่ปี 2561-2580 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันพรุ่งนี้ (24 ม.ค.) ซึ่งแนวโน้มภาครัฐให้ความสำคัญขยายสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) โรงไฟฟ้าแบบ Conventional อาทิ โรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ขณะที่กพช.จะมีการพิจารณาเรื่องการต่ออายุโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) ในระบบ Cogeneration ด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยในส่วนของหุ้นบมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เด่น และได้อานิงสงส์เงินบาทแข็งค่า ซึ่งทุกการแข็งค่าของเงินบาท 1 บาท/ดอลลาร์ จะส่งผลกระทบต่อกำไรปกติปี 62 เท่ากับ +10%
นอกจากนี้ คาดกำไร 2562 ยังเป็นช่วงเติบโต +20.7% y-y จากการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการ โซลาร์ฟาร์มในเวียดนาม และเติบโตต่อเนื่องถึงปี 2565 จนมีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนร่วมทุนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปี 2560 ขณะที่แรงกดดันจากการย้ายโรงไฟฟ้า BCPR1-2 และต่อสัญญา SPP ของ ABP1,2 และ BPLC1 ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมี Upside จากโครงการเกาหลีใต้ และ CLMV อย่างไรก็ดีระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 4/61 ลดลง y-y, q-q จาก Unrealized FX loss และอัตรากำไรขั้นต้น จากต้นทุนก๊าซเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนแนวโน้มกำไร 3 ปีนี้เติบโตดีมาก ทำให้ PE ratio ลดลงได้ในปีหลัง ๆ โดยPER62F ลดลงเหลือ 22.4x อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ด้านบล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า กลุ่มโรงไฟฟ้า ลักษณะธุรกิจที่มีความสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ และเลือกหุ้นโรงไฟฟ้าที่ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องได้อีก 4-5 ปีข้างหน้า ได้แก่ BGRIM ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 682MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2.77GW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 3.13GW, บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 312MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2.48GW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 68 ที่ 4.3GW
บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าโซลาร์อีก 105MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 401MW ณ สิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 543MW.
ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำหุ้น บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เก็งแผน PDP ฉบับใหม่ คาดมีบทสรุปเร็ว ๆ นี้ ผสานกับคาดผลการดำเนินงานยังขยายตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยปีนี้เตรียม COD โรงไฟฟ้า SPP 4 แห่ง และโครงการโซลาร์เวียดนาม ส่วนด้านกำลังการผลิตจะเร่งตัวขึ้นจาก 2,253 MW สู่ระดับ 6,701 MW ในปี 2567 เพิ่มความมั่นคงในระยะกลาง
ทางเทคนิค วานนี้ราคาดีดตัวกลับจากแนวรับของกรอบ Uptrend วันนี้มองว่าหากราคายืนเหนือ 84.75 มองเป็นโอกาส Follow พร้อมให้แนวรับ 84.00-84.50 บาท ส่วนแนวต้าน 87-90 บาท และมีจุดตัดขาดทุน 83 บาท