นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ็มกรุ๊ป ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ เปิดเผยว่า เอไอเอ็มกรุ๊ปจัดตั้งทรัสต์กองใหม่ชื่อ ‘ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม คอมเมอร์เชียล โกรท’ หรือ AIM Commercial Growth Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (AIMCG) มีนโยบายลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเพื่อการพาณิชย์ประเภทอาคารศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงาน เป็นต้น
ทรัสต์ดังกล่าวตั้งเป้าจะระดมทุนเพื่อเข้าลงทุนครั้งแรกในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทศูนย์การค้าคอมมูนิตี้มอลล์และไลฟ์สไตล์มอลล์ 3 โครงการ ปัจจุบันได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว
ทั้งนี้ เอไอเอ็มกรุ๊ป คัดเลือกทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุน เน้นโครงการที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ โดยโครงการที่จะเข้าลงทุนในครั้งแรกเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จผลการดำเนินงานของโครงการที่ดี เนื่องจากได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดีมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพและมีความหลากหลายทั้งในย่านใจกลางกรุงเทพฯ และจังหวัดเศรษฐกิจที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่นและมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง
นอกจากนี้ยังเป็นโครงการที่มีอัตราการเช่าพื้นที่สูงและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต บริหารงานโดยผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการบริหารโครงการมาอย่างยาวนาน มีความเข้าใจในพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
ด้านนายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ เอไอเอ็มกรุ๊ป กล่าวว่า ทรัพย์สินที่ทรัสต์ AIMCG จะเข้าลงทุนครั้งแรกเป็นศูนย์การค้าคอมมูนิตี้มอลล์และไลฟ์สไตล์มอลล์ 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการ ยูดี ทาวน์ เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดอุดรธานี
2. โครงการ พอร์โต้ ชิโน่ ถือเป็นคอมมูนิตี้มอลล์แห่งแรกในย่านมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งอยู่บนถนนพระราม 2 ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่ใช้เชื่อมต่อการเดินทางจากกรุงเทพฯ ลงสู่ภาคใต้ จึงรองรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางผ่านไปยังจังหวัดทางภาคใต้
3. โครงการ 72 คอร์ทยาร์ด เป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) ซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางที่สำคัญของกรุงเทพฯ และเป็นจุดหมายของการพบปะสังสรรค์ที่เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง โดยมีทั้งออฟฟิศและที่พักอาศัยเป็นจำนวนมาก
"เรามั่นใจว่าทั้ง 3 โครงการที่คัดเลือกมาเป็นทรัพย์สินที่มีคุณภาพ มีการจัดกิจกรรมการตลาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความคึกคัก และตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น เป็นแหล่งพักอาศัยที่มีความหนาแน่นของจำนวนประชากรสูง เป็นจังหวัดเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตและผู้บริโภคในพื้นที่มีกำลังซื้อสูง การคมนาคมสะดวก จึงทำให้โครงการมีอัตราการเช่าพื้นที่ที่ดีและได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในพื้นที่และในละแวกใกล้เคียง"นายจรัสฤทธิ์ กล่าว