นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดเผยว่า ในปีนี้ BEAUTY วางเป้าหมายรายได้เติบโตมากกว่า 20% พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 25% ขณะที่งบลงทุนอยู่ที่ 85 ล้านบาทเพื่อนำมาใช้สำหรับการเปิดสาขา พัฒนาระบบสนับสนุนธุรกิจและระบบอีคอมเมิร์ซ
ทั้งนี้ มองว่า ภาพรวมธุรกิจเครื่องสำอางปี 2562 ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความใส่ใจเกี่ยวกับความงาม สุขภาพและผิวพรรณต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขภาพมีความหลากหลายเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวเป็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่จะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงผู้บริโภคทั้งในประเทศและในระดับนานาชาติ
โดยในปีนี้บริษัทมีวิสัยทัศน์ (VISION) ในการดำเนินธุรกิจด้วยนโยบาย International Beauty & Health Business เพื่อยกระดับแบรนด์สินค้าภายใต้การจำหน่ายของบริษัทเข้าสู่การเป็นแบรนด์ด้านความงามและสุขภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ทั้งนี้แผนการดำเนินงานของบริษัทจะมุ่งเน้นใน 6 ด้านหลัก ประกอบด้วย
1.ขยายตลาดต่างประเทศเชิงรุก จำนวน 15 ประเทศ โดยมี 10 ประเทศที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในปี 2561 ซึ่งจะเน้นการทำการตลาดร่วมกันและเพิ่มจำนวน SKUs สินค้า และมีอีก 5 ประเทศเป้าหมายใหม่ในปี2562 ที่มีแผนจะขยายตลาด คือ อินเดีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บรูไน และแคนาดา ในรูปแบบของตัวแทนจำหน่าย Product Distributor ,Shop Licence , Shop in Shop หรือ Counter sales รวมทั้งยังเน้นรุกตลาดประเทศจีนซึ่งถือว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่มีโอกาสทางธุรกิจสูง โดยมีแผนกระจายสินค้าผ่านช่องทาง Cross Border E-commerce (CBEC)อย่างต่อเนื่องซึ่งช่องทางนี้ถือเป็นโอกาสใหม่สำหรับการค้าออนไลน์ในจีนที่รัฐบาลจีนมีมาตรการสนับสนุนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางโดยผู้ค้าออนไลน์จะได้รับสิทธิส่วนลดทางภาษีในอัตราพิเศษ
โดยในปี 2561 บริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายแล้วจำนวน 7 Platforms และในปีนี้มีแผนเจรจาเพิ่มจำนวน Platform อีก 2 รายและยังขยายจำนวน SKUs สินค้าเข้าจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ภายในไตรมาส 1 ปี 62 บริษัทได้เริ่มส่งสินค้าเข้าจำหน่ายช่องทางตลาดหลัก( General Trade )ที่ประกอบด้วยช่องทาง Offline และ Online ในตลาดทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน(Mainland China) สำหรับตลาดการขายสินค้าหลักของจีนมีทั้งที่เป็นช่องทางออฟไลน์ เช่น เทรดดิชั่นนอลเทรด คอนวีเนียนสโตร์ โมเดิร์นเทรดต่างๆ และช่องทางออนไลน์ที่เป็นเว็ปไซต์ อีคอมเมิรซ์ต่างๆที่จัดจำหน่ายสินค้าในประเทศจีน
2.ช่องทางร้านค้าปลีกเข้มแข็ง (Retail Business Models) ด้วยศักยภาพที่บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 347 สาขา จะพัฒนาปรับปรุงและสร้างความเข้มแข็งให้ช่องทางร้านค้าปลีก โดยจะมีการพัฒนาการบริหารร้านค้าปลีก ,เปิดสาขาใหม่ 15 สาขา ,เน้นการทำการตลาดได้ด้วยตัวร้านค้าปลีกเอง (Local Store Marketing) ,สร้างโมเดลการขายสินค้าที่เป็นสินค้า Multi Brand เข้ามาจำหน่ายในร้าน Beauty Buffet , สร้างร้านต้นแบบใหม่เพื่อจำหน่ายสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ครอบคลุม
3. กลุ่มสินค้าอุปโภคเติบโตต่อเนื่อง (Consumer Product)เพิ่มประสิทธิภาพในช่องทางการจำหน่ายเดิมโดยเน้นการเพิ่มจำนวน SKUs สินค้าและทำการตลาดรวมกับห้างพร้อมกับเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆที่มีโอกาสเติบโตสูงและเข้าถึงกลุ่มลูกค้า
4.ช่องทางอีคอมเมิร์ซ( E-Commerce) ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงพัฒนาและบริหารจัดการโครงสร้างระบบอีคอมเมิร์ซให้มีประสิทธิภาพ วางเป้าหมายรุกตลาดออนไลน์ ด้วยกลยุทธ์ O2O และพันธมิตร รวมถึงพัฒนาระบบรองรับพฤติกรรมการจับจ่ายผ่านมือถือของบริษัทเอง ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยผลักดันให้บริษัทมีรายได้เติบโตก้าวกระโดด
5. กลยุทธ์การขายโดยใช้สินค้าขับเคลื่อน (Product Driven) ขับเคลื่อนยอดขายให้เติบโตโดยการสร้าง Product Heros ที่มีกระแสดึงดูดลูกค้าทั้งสินค้าเดิมที่มีอยู่แล้วและสินค้าใหม่ เน้นสินค้าที่เป็น อินโนเวชั่นตามเทรนด์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
6.กลยุทธ์การตลาดแบบO2O การเชื่อมสื่อออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม นำเสนอ Influencers ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงพนักงานทุกระดับ เพื่อสร้าง Engagement กับลูกค้าวงกว้างและเป็นพลังในการสร้างยอดขายให้แก่ช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ ร่วมกับการพัฒนาการตลาดระดับ Reginal สร้างตลาดต่างประเทศไปพร้อมกัน