นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทเตรียมประชุมวาระพิเศษเพื่อพิจารณาเรื่องการเพิ่มทุนในบมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) หลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น NOK อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO)
ปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่ของ NOK ประกอบด้วย นายณัฐพล จุฬางกรู ถือหุ้น 23.77%, THAI ถือหุ้น 21.80%, นายทวีฉัตร จุฬางกรู ถือหุ้น 18.86%, นางหทัยรัตน์ จุฬางกรู ถือหุ้น 12.50%
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มทุนครั้งนี้เรื่องเงินลงทุนในการเพิ่มทุนไม่ใช่ปัญหา โดยหากจะเพิ่มทุนเพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นจะลงทุนกว่า 500 ล้านบาท แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือแผนฟื้นฟูธุรกิจ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้เห็นแผนฟื้นฟูธุรกิจ
"เราเพิ่มทุนเราก็เป็นผู้ถือหุ้น เราไม่ได้เพิ่มทุน เราก็ยังเป็นผู้ถือหุ้น เรื่องเงินเพิ่มทุนเรามีเงิน แต่ตอนนี้เรายังไม่เห็นแผนของนกแอร์เลย"
อย่างไรก็ดี ความร่วมมือภายใต้ไทยกรุ๊ป ที่มีการบินไทย ไทยสมายล์ และ นกแอร์ก็ยังมีความร่วมมือกันต่อไป ไม่ว่าจะเพิ่มทุนหรือไม่ก็ตาม
อนึ่ง NOK ได้กำหนดให้ผู้ถือหุ้นจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน และกำหนดวันชำระจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน ในวันที่ 31 ม.ค.- 6 ก.พ.62
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้เข้าไปนั่งเป็นประธานกรรมการ สายการบินไทยสมายล์ ซึ่งเป็นริษัทลูกของการบินไทย ก็จะปรับปรุงการใช้เครื่องบินทั้งการบินไทยและไทยสมายล์ รวม 101 ลำ เป็นเครื่องบินของการบินไทย 81 ลำ และไทยสมายล์ 20 ลำ โดยจะโยกเครื่องบินไทยสมายล์มาใช้ในเส้นทางของการบินไทยที่ขณะนี้ประสบปัญหาเครื่องบินไม่พอในบางเส้นทาง จะทำให้ปัญหาบรรเทาลงไปได้บ้าง ระหว่างที่รอการสั่งซื้อเครื่องบินใหม่เข้ามา
ส่วนความคืบหน้าการจัดหาเครื่องบินล็อตใหม่ นายสุเมธกล่าวว่า การบินไทยได้จัดทำแผนจัดหาเครื่องบิน จำนวน 38 ลำ วงเงินประมาณ 1.6 แสนล้านบาท ให้กับกระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว และคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งน่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะก่อนหน้านี้ สศช.ได้พิจารณาเรื่องนี้มาพอสมควรแล้วก่อนที่จะมีคำถามกลับมาที่บริษัท และคาดจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้ในเดือนก.พ.นี้
เมื่อครม.อนุมัติแผนการจัดหาเครื่องบินแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาคัดเลือกแบบเครื่องบินให้ตรงกับความต้องการเพื่อจัดหาเครื่องบินใหม่ในช่วง 6 เดือน และลำแรกจะรับมอบในอีก 2 ปี โดยระหว่างนี้ได้จัดทำแผนการตลาด เส้นทางการบิน ไปให้สอดคล้องกับการจัดหาเครื่องบิน รวมทั้งพิจารณาแผนการจัดหาเงินทุน โดยจะพิจารณาทั้งการซื้อ การเช่าซื้อ และการเช่า ให้เหมาะสม ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่าจะสามารถทยอยขายเครื่องบินเก่าที่เหลืออีก 4 ลำ จากทั้งหมด 20 ลำและขายได้แล้ว 16 ลำ
นายสุเมธ ยังกล่าวว่า ฝ่ายบริหารเตรียมจะพบกับพนักงานการบินไทย เพื่อทำความเข้าใจถึงแผนงานการดำเนินงานให้พนักงานได้ทราบและเข้าใจ เพราะการพลิกฟื้นองค์กรจำเป็นต้องให้ทุกส่วนของบริษัทร่วมใจร่วมมือกัน โดยที่ผ่านมาได้เสียงตอบรับจากพนักงานว่าไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับองค์กรแต่รู้ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์หรือสื่อโซเชียล