(เพิ่มเติม) BSEC คาด"ไทยง้วน เอทานอล"เข้าตลาดหุ้นปลาย Q1/51,มี IPO ในมืออีก 10 ดีล

          บล.บีฟิท(BSEC)คาดว่าจะนำ บมจ.ไทยง้วน เอทานอล เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในปลายไตรมาส 1/51 และยังมีดีลงานที่ปรึกษาในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียน(IPO) อีก 10 บริษัท มูลค่าไม่ต่ำกว่า 3.5 พันล้านบาท
          สำหรับในปีนี้ BSEC ตั้งเป้ารายได้โต 30% และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 4.5-5.0% จากปีก่อนอยู่ที่ 3.6%
          นายวรชาติ ทวยเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ BSEC คาดว่า จะสามารถนำบริษัท ไทยง้วนเอทานอลเข้าจดทะเบียนได้ปลายไตรมาส 1 ปีนี้ จากที่ชะลอเพื่อดูภาวะตลาดหุ้นและนโยบายของภาครัฐว่าจะมีนโยบายสนับสนุนเอทานอลในรูปแบบใด และหากรัฐบาลชุดนี้ประกาศยกเลิกการใช้เบนซิน 95 เชื่อว่าความต้องการใช้เอทานอลจะมากขึ้น โดยส่วนตัวเชื่อว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลไนเดือนนี้           
          นอกจากนี้ บริษัทมีความพร้อมที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด 10 บริษัท มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 3.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แบ่งเป็น SET 5 บริษัท และ ตลาดหลักทรัพย์ mai อีก 5 บริษัท เช่น ด้านไอที, บรรจุภัณฑ์, เหล็ก, วัสดุก่อสร้าง, ยานยนต์
          ด้านนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BSEC คาดว่า ส่วนแบ่งการตลาดรวมปีนี้จะเพิ่มเป็น 4.5-5% จากปีก่อนที่ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 3.6% สอดคล้องกับการตั้งเป้ารายได้ของบริษัทในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตมากกว่าปีก่อน 30% เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะมีการกระจายการหารายได้มากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจวาณิชธนกิจที่จะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 50% ภายใต้บรรยากาศตลาดหุ้นที่ปรับตัวดีขึ้นจากปี 50 ที่ธุรกิจนี้ชะลอตัว ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้เพิ่มทีมวาณิชธนกิจเป็น 6-7 ทีม จาก 5 ทีมในปี 50 จึงทำให้มองว่ารายได้รวมจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
          นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าวอลุ่มตลาดเฉลี่ยจะอยู่ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท/วัน หลังจากที่สถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะหากการจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วก็จะส่งผลต่อดีตลาดหุ้นไทย โดยประเมินว่าช่วงปลายไตรมาส 1 ตลาดหุ้นจะได้รับผลดีจากปัจจัยดังกล่าว และจะปรับตัวเพิ่มขึ้น และในช่วงปลายไตรมาส 2 ถึง ไตรมาส 3 ตลาดหุ้นฯจะส่งสัญญาณการปรับตัวขึ้นอีกครั้งจากการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียน จึงประเมินว่าดัชนีตลาดในปีนี้จะอยู่ที่ 1,150 จุด แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในต่างประเทศที่อาจจะกดดันให้ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงบ้าง
          อย่างไรก็ตาม หากวอลุ่มตลาดเฉลี่ยในระดับดังกล่าว บริษัทจะมีส่วนแบ่งตลาด 5% ของวอลุ่มตลาดรวม