CPL ตั้งเป้ารายได้รวมปี 62 เติบโต 15% จากปีก่อน อัตรากำไรสุทธิ 4-5% เพิ่มกำลังการผลิต-ธุรกิจเซฟตี้ โปรดักส์หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 29, 2019 08:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพีแอล กรุ๊ป (CPL) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 62 เติบโต 15% จากปีก่อน และอัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะทำได้ราว 4-5% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากธุรกิจป้องกันภัยส่วนบุคคล (เซฟตี้ โปรดักส์) ภายใต้แบรนด์ "แพงโกลิน" ที่มีความสามารถในการทำอัตรากำไรสูงที่ระดับราว 12-13% และคาดว่าจะมีการเติบโตสอดคล้องกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ซึ่งนับว่าเป็นการเติบโตสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การดำเนินธุรกิจในระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของธุรกิจเซฟตี้ โปรดักส์ไว้ที่ 15% โดยจะเน้นสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างน่าพอใจ เป็นผลจากการทำการตลาดแบบตรง (Direct Marketing) ที่ใช้วิธีเจาะเข้าสู่องค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีความต้องการซื้อสินค้าอยู่แล้ว

ขณะเดียวกันบริษัทวางเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตในธุรกิจผลิตหนังสำเร็จรูปใน 3 ปีที่ระดับ 3.6 ล้านตารางฟุต/เดือน จากปี 61 ที่อยู่ระดับ 2.5 ล้านตารางฟุต/เดือน และในปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% ส่วนธุรกิจฟอกหนังคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 50% โดยตั้งเป้าหมายภายในปลายปีนี้มีกำลังการผลิตที่ระดับ 1.2 แสนตัว/เดือน จากปัจจุบัน 8 หมื่นตัว/เดือน โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเซฟตี้ โปรดักส์ (แพงโกลิน) ที่ 25%, ธุรกิจฟอกหนัง 25% และธุรกิจธุรกิจผลิตหนังสำเร็จรูป 50%

นายภูวสิษฎ์ กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งงบลงทุนปี 62 เบื้องต้นประมาณ 125 ล้านบาท ใน 2 โครงการหลัก ประกอบด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพงานฟอกหนังด้วยการเปลี่ยนถังฟอกใหม่จำนวน 6 ถัง ใช้ร่วมกับบ่อใบพัดระบบเดิม งบลงทุน 50 ล้านบาท กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นวันละ 3 ตู้หรือครึ่งเท่าของกำลังการผลิตเดิม และโครงการขยายโรงงานหนังซูเอ็ด (Suede) หรือหนังท้องและรองรับการผลิตหนังหมูสำเร็จรูป ใช้งบลงทุน 75 ล้านบาท รวม 3 ปีบริษัทวางเป้าหมายจะใช้งบลงทุนประมาณ 450 ล้านบาท

บริษัทคาดว่าจะมีแหล่งเงินทุนมาจากการกู้สถาบันการเงินและจากเงินสดหมุนเวียนในบริษัท แม้ว่าการกู้สถาบันการเงินจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปกติที่ราว 1 เท่า แต่บริษัทอยู่ระหว่างการทำ matching ในการรอรับชำระจากลูกหนี้การค้าราว 500 ล้านบาท อย่างไรก็ดี สาเหตุที่บริษัทต้องมีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่องนั้นมองว่า ปัจจุบันแม้การบริโภคเครื่องหนังลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนผู้ประกอบการในตลาดมีอัตราการลดลงมากกว่า ซึ่งทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการเติบโตได้ โดยบริษัทมองว่าในอนาคตมีแนวโน้มที่ผู้ประกอบการรายเล็กจะไม่สามารถแข่งขันได้

"แม้ว่าเราจะเชื่อว่าปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโต แต่การเดินหน้าขยายการลงทุนของ CPL ยังคงเดินตามแผนที่วางไว้ ซึ่งเป็นแผนต่อเนื่องที่ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการ เพราะไม่ว่าจะเป็นการขยายโรงงาน หรือการขยายกำลังการผลิต รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเครื่องจักร เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ทั้งการติดตั้งการทดสอบระบบและอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้น การเดินหน้าลงทุนในปีนี้จึงเป็นไปเพื่อรองรับกับคำสั่งซื้อที่จะมีเข้ามาในระยะต่อไป ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าขณะนี้เราเดินเครื่องเกือบจะเต็มกำลังการผลิตแล้วหากไม่เพิ่มกำลังการผลิตก็จะทำให้เสียโอกาสในการรับออร์เดอร์เพิ่มเติมได้" นายภูวสิษฏ์ กล่าว

นายภูวสิษฏ์ กล่าวอีกว่า นอกจากการขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตแล้ว ในปีนี้บริษัทยังเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้านการตลาด ด้วยการหาพันธมิตรรายใหม่เพิ่มเพื่อกระจายความเสี่ยงจากการมีลูกค้ารายใหญ่เพียงรายเดียว ซึ่งจากการปรับปรุงกระบวนการผลิต รวมถึงระบบงานภายในโดยเฉพาะเรื่องการส่งมอบ ก็มั่นใจว่าจะทำให้ลูกค้ารายใหญ่ในตลาดอีกหลายรายให้ความสนใจเป็นพันธมิตรกับ CPL

โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศจำนวน 3 ราย แบ่งเป็นบริษัทธุรกิจฟอกหนังในญี่ปุ่น 1 ราย และบริษัทไต้หวันในธุรกิจเดียวกัน 2 ราย ซึ่งคาดว่าจะมีความร่วมมือในรูปแบบของ Strategic Partner หรือเป็นลูกค้าของบริษัท โดยคาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ภายในปี 62 นี้

อนึ่ง บริษัท CPL เป็นผู้นำอุตสาหกรรมฟอกหนังสำเร็จรูปรายใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (เซฟตี้ โปรดักส์) ภายใต้แบรนด์ "แพงโกลิน" ซึ่งเป็นกิจการในกลุ่มบริษัทเจริญสิน และดำเนินธุรกิจฟอกหนัง และธุรกิจผลิตหนังสำเร็จรูป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ