บล.ทรีนิตี้ ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปีนี้เพิ่มมาที่ 2.3% โดยจะมุ่งเน้นนักลงทุนรายใหญ่มากขึ้น เนื่องจากมองว่านักลงทุนรายใหญ่แต่ละบุคคลมีทรัพย์ส่วนตัวเกินกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ของไทย พร้อมให้มุมมองว่าปีนี้ควรมีการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ ในตลาดหุ้นเพื่อให้นักลงทุนทุนมีโอกาสมากขึ้น
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการอำนวยการ กลุ่ม บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า ในปี 51 บริษัทฯตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ธุรกิจหลักทรัพย์ไว้ที่ 2.3% สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่อยู่ในระดับ 2.02-2.03%
บริษัทฯจะมุ่งเน้นจับกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่มากขึ้น เพราะวอลุ่มเทรดส่วนใหญ่ถึง 80% ของนักลงทุนในประเทศเป็นของนักลงทุนรายใหญ่ ส่วนนักลงทุนรายย่อยมีแค่ 10-20% เท่านั้น และเชื่อว่านักลงทุนรายใหญ่แต่ละคนมีวงเงินลงทุนเกินกว่า 40 ล้านบาท
"ปีนี้เราจะมุ่งพัฒนากลุ่มลูกค้ารายใหญ่นี้ ซึ่งก็จะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับตลาดฯได้ด้วย"นายกัมปนาท กล่าว
ดังนั้น เป้าหมายของบริษัทฯในปีนี้จะต้องเพิ่มส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในตลาดทุนให้เพิ่มขึ้น โดยจะโปรโมทเรื่องของ Short Selling และธุรกิจ SBL นอกจากนี้จะมีการทำมาร์เก็ตติ้ง และมีแคมเปญใหม่ ๆ ออกมามากขึ้น รวมถึงมีการตรวจสุขภาพการซื้อขายของลูกค้าด้วย
*มองเป้าดัชนีหุ้นไทยปี 51 ที่ 720-1,000 จุด
นางวชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่าดัชนีหุ้นไทย(SET Index)จะผันผวนอยู่ในช่วง 720-1,000 จุด ซึ่งถือเป็นปีแห่งความผันผวนมากกว่าปีก่อน โดยการไหลเข้า-ออกของเงินทุนต่างประเทศมีแนวโน้มที่จะผันผวนมากขึ้นจากผลกระทบปัญหาซับไพร์ม อาจมุ่งสู่ความกังวลว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย, สถานการณ์การเมืองในประเทศไม่นิ่ง การกำหนดนโยบายยังไม่แน่นอน แต่รัฐบาลชุดนี้เชื่อว่าคนจะให้ความคาดหวังน้อยกว่ารัฐบาลชุดที่แล้ว
ในไตรมาส 1/51 อาจเป็นช่วงที่ SET Index ให้ผลตอบแทนสูงสุดของปี โดยดูจากข้อมูลในอดีตที่บ่งชี้ว่าเป็นวัฎจักรของปี เชื่อว่า SET Index จะปรับตัวขึ้นสูงสุดในช่วง 860-900 จุด และคาดว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนม.ค.ที่คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ
( FOMC)จะลดอัตราดอกเบี้ยได้มากถึง 0.5% และรัฐบาลชุดใหม่ของไทยจะจัดตั้งในช่วงไตรมาสนี้
ส่วนเดือนก.พ.51 SET Index ควรจะซื้อขายอยู่เหนือ 790-800 จุดและอาจเป็นจุดต่ำสุดชั่วคราวของดัชนี อย่างไรก็ตาม ในระยะปานกลาง SET Index มีโอกาสที่ดัชนีจะลงไปทดสอบ 720-760 จุดในช่วงไตรมาส 2/51-ไตรมาส 3/51
แต่ตลอดทั้งปีตลาดหุ้นควรฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หากเกิดภาวะอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ซึ่งเป้าหมายดัชนีที่ 1,000 จุด น่าจะเห็นได้ในช่วงครึ่งหลังของปีจาก Fund Flow ตลาดทั่วโลก
หุ้นที่แนะนำลงทุนสำหรับปีนี้ คือ PTTEP คาดว่าให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นกว่า PTT เพราะปี 51 คาดว่ากำไร PTTEP เติบโต 50% ส่วน PTT โตเพียง 6% และยังแนะนำหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสื่อสาร เพราะอุตสาหกรรมในประเทศสามารถฟื้นตัวได้ เช่น กลุ่มธนาคาร,สื่อสาร จะโดดเด่นและฝืนขาลงของเศรษฐกิจโลกได้ เนื่องจากการฟื้นตัวของผลประกอบการและการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว
ด้านนายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีของสินค้าใหม่ ๆ โดยตลาดหุ้นจะต้องมีสินค้าใหม่ ๆ เข้ามานักลงทุนจะได้มีโอกาสมากขึ้น ซึ่งแนวทางหนึ่งที่สำคัญคือความร่วมมือที่มีกับตลาดหุ้นต่างประเทศในการแลกเปลี่ยนสินค้าในตลาดหุ้นระหว่างกัน
“การนำสินค้าจากต่างประเทศมาเทรดหรือไปเทรดในต่างประเทศ ก็จะช่วยลดความเสี่ยง แต่จะต้องดูแลฐานะการเงินของตัวเองด้วย"นายภควัต กล่าว
*ตั้งเป้าติด 1 ใน 3 ที่มีมาร์เก็ตแชร์มากสุดของตลาดอนุพันธ์
นายชาญชัย กงทองลักษณ์ กรรมการผูจัดการ บริษัท ทรีนิตี้ โพลาริส ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายติด 1 ใน 3 โบรกเกอร์ที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุดในตลาดอนุพันธ์ โดยจะพยายามเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในการเทรดผ่านอินเตอร์เน็ต ด้วยการพัฒนา Platform การเทรดรูปแบบใหม่ ๆ มานำเสนอให้กับลูกค้าให้มีรเครื่องมือเพิ่มขึ้น ซึ่งจะได้เปรียบในการซื้อขาย โดยจะเน้นการพัฒนาPlatform ที่เป็น Day Trade เพิ่มขึ้นมาจากปีที่แล้วที่มีการใช้ Platform การเทรด"i Winner"
ด้านนายภควัต กล่าวว่า การเพิ่มสินค้าประเภททองคำเข้ามาเทรดในตลาดฟิวเจอร์สเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งจะทำให้ตลาดอนุพันธ์พัฒนาขึ้นในเส้นทางเดียวกับต่างประเทศที่มีการซื้อขายสินค้าทองคำกันอยู่แล้ว ส่วนจะผลักดันได้มากแค่ไหนนั้น คงจะต้องขึ้นอยู่กับทางการ รวมทั้งการนำยางมาซื้อขายในรูปแบบอนุพันธ์ด้วย
“การนำทองเข้ามาเทรดในตลาดฟิวเจอร์สเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะในต่างประเทศก็มีการเทรดทองกัน เนื่องจากครึ่งหนึ่งของทองจะถูกทำมาใช้ในอุตสาหกรรมอยู่แล้ว และทองยังเป็นสินค้า Commodity เช่นเดียวกับ ยาง การนำยางเข้ามาเทรดในตลาด TFEX ขณะนี้ยังติดข้อกฎหมายไทยอยู่บางเรื่อง ซึ่งถ้าเอายางมาเทรดในตลาดฟิวเจอร์สได้ก็จะดี ตอนนี้ทาง AFET ก็กำลังดูอยู่ โดยสองฝ่ายจะต้องจับมือสร้างความสัมพันธ์กัน เพื่อที่เราจะได้แข่งขันกับตลาดอื่นในต่างประเทศได้"นายภควัต กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯจะเป็นผู้นำในการชักชวนให้บริษัทหลักทรัพย์มาซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล โดยมองว่ากระทรวงคลังสามารถที่จะทำการรีไฟแนนซ์พันธบัตรรัฐบาลได้ที่มี 49 รุ่น โดยทางการมีแนวคิดที่จะลดให้เหลือเพียง 7 รุ่น และแต่ละรุ่นก็มีมูลค่าเป็นแสนล้าน จุดนี้ก็จะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของตลาดพันธบัตร
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--