ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันปิดปรับตัวลงในวันนี้ (21 ม.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีและเทคโนโลยีได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากการปิดร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อวันศุกร์ และความกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยก็ยังคงมีอยู่
หุ้นกลุ่มปิโตรเคมีได้รับแรงเทขายอย่างหนักจากความไม่ชัดเจนต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมดังกล่าว ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลต่ออุปสงค์ที่ซบเซาของสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของไต้หวัน
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไต้หวันสามารถฟื้นตัวได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชีย จากความหวังว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนแผ่นดินใหญ่จะดีขึ้น หลังมีรายงานว่าไต้หวันอาจจะผ่อนคลายการกำหนดขอบเขตการลงทุนของจีน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 22 มี.ค.นี้
โดยเฉพาะบริษัทในภาคอสังหาริมทรัพย์ได้ประโยชน์จากรายงานที่ว่า ไต้หวันมีแผนที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์จากนักลงทุนจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวในช่วงตรุษจีนที่จะเริ่มต้นในวันที่ 7 ก.พ.นี้ ขณะที่สภากิจการจีนแผ่นดินไหญ่ ซึ่งเป็นหน่วยงานของไต้หวันที่มีหน้าที่รับผิดชอบนโยบายเกี่ยวกับจีน ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าว
สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีเวทเต็ดร่วงลง 74.45 จุด หรือ 0.91% ปิดที่ 8,110.20 จุดหลังเคลื่อนไหวในกรอบ 8,099.59 - 8,220.63 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.42 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน
ตู้ จินหลุง ประธานบ.แกรนด์ คาเธย์ อินเวสเมนท์ คอร์ป กล่าวแสดงความเห็นถึงสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไต้หวันขาดทิศทางว่ามาจากการผสมผสานกันระหว่างความกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐและความหวังที่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวันจะดีขึ้น ซึ่งสองปัจจัยนี้ได้ชดเชยซึ่งกันและกัน
"ภาคอุตสาหกรรมที่พึ่งพาการส่งออก ซึ่งรวมถึงกลุ่มเทคโนโลยี ถูกปกคลุมด้วยความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ" เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม นายตูกล่าวเสริมว่า "ตลาดโดยรวมได้รับผลกระทบน้อยกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านอีกหลายแห่ง เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการที่เป็นมิตรต่อตลาดในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี
สำหรับทิศทางในอนาคตของตลาดหุ้นไต้หวันนั้น นายตู้เชื่อว่า จะถูกชี้นำโดยรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 4/50 และจากทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐ
หุ้นกลุ่มปิโตรเคมีร่วงลง 2.09% หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง 1.12% และหุ้นกลุ่มการเงินลดลง 0.29%
ขณะที่หุ้นกลุ่มก่อสร้างดีดขึ้น 4.23% กลุ่มกระดาษบวก 2.53% และหุ้นกลุ่มขนส่งบวก 2.17%
ในบรรดาหุ้นที่ปรับตัวลงนั้น หุ้นหนานหยา พลาสติกส์ ปิดลดลง 3.10 ดอลลาร์ไต้หวัน หุ้นฟอร์โมซ่า พลาสติกส์ ร่วง 2.10 ดอลลาร์ไต้หวัน หุ้นไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง ร่วง 1.20 ดอลลาร์ไต้หวัน และหุ้นยูไนเต็ด ไมโครอิเล็คทรอนิคส์ ลบ 0.25 ดอลลาร์ไต้หวัน
หุ้นคาเธย์ เรียล เอสเตท กระโดดขึ้น 1.25 ดอลลาร์ไต้หวัน หุ้นจี้หลิน เปเปอร์ เดินหน้าขึ้น 2.95 ดอลลาร์ไต้หวัน ละหุ้นฉินกง เท็กซ์ไทล์ บวก 1.70 ดอลลาร์ไต้หวัน
สำหรับหุ้นกลุ่มการเงินนั้น หุ้นไชน่าทรัสต์ ไฟแนนเชียล โฮลดิ้ง ลดลง 0.25 ดอลลาร์ไต้หวัน หุ้นเมก้า ไฟแนนเชียล ลบ 0.10 ดอลลาร์ไต้หวัน หุ้นฟูบอน ไฟแนนเชียล ลบ 0.10 ดอลลาร์ไต้หวัน ส่วนหุ้นฉินกง ไฟแนนเชียล โฮลดิ้ง บวก 0.05 ดอลลาร์ไต้หวัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--