นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวในงาน "2019 Annual Outlook" แถลงข้อมูลทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2562 ว่า นักวิเคราะห์ซิตี้ คาดเศรษฐกิจโลกปี 2562 ชะลอตัวเล็กน้อย ที่ 3.1% โดยยังคงเชื่อว่าวัฏจักรเศรษฐกิจยังคงเป็นขาขึ้นอยู่ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงปลายก็ตาม และคาดการณ์อัตราเติบโตของผลกำไรทั่วโลกในปี 2562 ที่ 9.7% ด้วยปัจจัยด้านบวกจากหลายภูมิภาคทั่วโลก ทั้งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุน รวมทั้งการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา อุปสงค์ภายในประเทศของภูมิภาคยุโรป ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และแผนนโยบายการคลังของประเทศจีน สำหรับด้านตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มเติบโตอยู่ที่ 4.5% ในปี 2562 และ 4.6% ในปี 2563 ในขณะที่ตลาดพัฒนาแล้ว มีแนวโน้มชะลอตัวเล็กน้อย แต่ยังเติบโตอยู่ที่ 2.0% และ 1.7% ตามลำดับ
นายดอน กล่าวเพิ่มว่า ในด้านค่าเงินมีข้อมูลที่น่าสนใจคือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังมีแนวโน้มอ่อนตัวลง ปัจจัยมาจากนโยบายกระตุ้นทางการเงินที่เริ่มลดลงในช่วงปลายการบริหารของรัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2562 คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ยังคงปรับลดงบดุล และมีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้าลง โดยจะมีการปรับตัวขึ้น 2 ครั้ง ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงอัตราดอกเบี้ย ภายใต้นโยบายการเงินที่เข้มงวด ส่วนแนวโน้มค่าบาทไทย มีโอกาสแข็งค่ากรอบการเคลื่อนไหว 32.70 – 33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ซิตี้ คาดว่าการลงทุนปี 2562 ยังคงมีความท้าทายสูง และแนะนำให้นักลงทุนเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ ความไม่แน่นอนด้านการเมืองในแต่ละภูมิภาค สงครามการค้า และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงตึงเครียด ซึ่งแม้ว่าที่ผ่านมา ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวจะไม่ได้ก่อให้เกิดแรงเทขายในตลาดต่อเนื่อง แต่ก็คาดการณ์ว่าอัตราการลงทุนทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอลง
สำหรับการลงทุน นักวิเคราะห์ซิตี้ แนะนำให้กระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลากหลายภูมิภาค โดยให้น้ำหนักการลงทุนไปที่ตราสารทุนในภูมิภาคตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะในเอเชีย และยุโรป ไม่รวมสหราชอาณาจักร โดยกลุ่มหุ้นวัฏจักรที่มีมุมมองบวก ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสุขภาพ และกลุ่มวัสดุการผลิต นอกจากนี้ยังแนะนำการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative investment) และกองทุนรวมผสม (Multi-Asset) เพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ ด้านตราสารหนี้ ซิตี้ให้น้ำหนักการลงทุนไปในตราสารหนี้เอกชนสหรัฐฯ ที่จัดอยู่ในระดับน่าลงทุน (US Investment Grade) และตราสารหนี้ไฮยิลด์สหรัฐฯ ที่ให้ผลตอบแทนสูง (High-Yield Bond)
"นักวิเคราะห์ซิตี้ ยังคงมีมุมมองบวกต่อหุ้นวัฎจักรในกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มอุตสาหกรรมสุขภาพ และกลุ่มวัสดุการผลิต สำหรับตลาดเทคโนโลยี มีสัดส่วนสูงถึงประมาณ 20% ของมูลค่าการลงทุนรวม และคาดว่าจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมที่ 11% ต่อปี ด้านตลาดอุตสาหกรรมสุขภาพ ยังคงได้แรงหนุนจากสภาพสังคมที่เดินหน้าเข้าสู่ยุคผู้สูงวัย ซึ่งดันให้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม ราว 6-8% และมีสัดส่วนการลงทุน 15% ของตลาดโดยรวม และตลาดวัสดุการผลิตที่ยังอยู่ในวัฎจักรขาขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยทะลุ 5.5%"