โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ แม้ผลประกอบการเติบโตไม่โดดเด่นมากนัก แต่ด้วยราคาหุ้นที่ปรับลดลงมาสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว จึงมีอัพไซต์เพิ่มขึ้นเป็นช่วงจังหวะเข้าลงทุนได้
ขณะที่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์มาเป็นการขยายโครงการที่เป็นแนวราบมากขึ้น และลดสัดส่วนของโครงการคอนโดมีเนียมลง หันมาเปิดโครงการแนวราบมากขึ้น โดยในปี 62 ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ รวมมูลค่า 26,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 20,000 ล้านบาท และแนวราบ 6 พันล้านบาท จากปีก่อนเปิดโครงการแนวราบเพียง 2,900 ล้านบาท เป็นการกระจายความเสี่ยงไปที่ธุรกิจแนวราบมากขึ้นในอัตราเร่ง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าช่วงกลางปีอาจมีการปรับแผนหลังจากเปิดตัวคอนโดมิเนียมในไตรมาส 2/62 ไปแล้ว
ราคาหุ้น ORI ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 7.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท (+2.08%) ขณะที่ SET +0.11%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กสิกรไทย ซื้อ 12.30 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 10.70 ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 9.20 หยวนต้า(ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 10.20
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มองทิศทางผลประกอบการของ ORI เติบโตไม่โดดเด่นนัก แต่ด้วยราคาที่ปรับตัวลดลงมาสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว จึงมีอัพไซต์ที่จะได้รับนั้นเพิ่มขึ้นเป็นช่วงจังหวะเข้าลงทุนได้
ขณะที่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์มาเป็นการขยายโครงการที่เป็นแนวราบมากขึ้น และลดสัดส่วนของโครงการคอนโดมีเนียมลง เนื่องจากการขึ้นโครงการใหม่ต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น เพราะต้องติดตามสถานการณ์ความต้องการในภาพรวมตลาดอสังริมทรัพย์ก่อนว่าจะเป็นไปในทิศทางได และผลกระทบจากมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้าน (LTV) จะมีมากน้อยเพียงไดด้วย
"เราแนะนำซื้อ ORI แม้ว่าทิศทางผลประกอบการจะไม่ได้เติบโตโดดเด่นเหมือนช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากราคาหุ้นปรับลดลงมามากสะท้อนกับปัจจัยลบต่างๆที่เข้ามาแล้ว จึงทำให้มีอัพไซต์ที่จะได้รับนั้นเพิ่มขึ้นจึงเป็นช่วงจังหวะที่จะเข้าลงทุนได้"นายประกิต กล่าว
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ORI ตั้งเป้าการเปิดโครงการใหม่ของปี 62 ที่ 26,000 ล้านบาทโดยจะเริ่มเปิดโครงการในช่วงไตรมาส 2/62 เป็นต้นไป และเป็นระดับทรงตัวจากปีที่ผ่านมา โดยมีสัดส่วนของแนวราบสูงสุดในรอบ 10 ปีของบริษัทที่ 23%
ขณะที่ยอดขายตั้งเป้าที่ 28,000 ล้านบาท ทรงตัวจากปี 61 เช่นกันหลังจากที่ในปี 61 การเติบโตของ Presales ทำได้สูงถึง 87% จึงมองว่าแผนของ ORI ในปีนี้ทั้งยอดขาย และการเปิดโครงการใหม่ เป็นการเปิดตัวที่ไม่ตื่นเต้นและเริ่มเห็นการเติบโตที่ลดลง รวมทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงไปที่ธุรกิจแนวราบมากขึ้นในอัตราเร่ง อย่างไรก็ตามเชื่อว่าช่วงกลางปีอาจมีการปรับแผนหลังจากโครงการคอนโดมิเนียมได้เปิดในไตรมาส 2/62 แล้ว
"เราแนะนำ Trading Buy โดยมองกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงออกจากตลาดคอนโดมิเนียมมาที่แนวราบที่เป็นกลางในช่วงนี้ เนื่องจากเป็นตลาดที่หลายผู้ประกอบการคอนโดมิเนียมปรับกลยุทธ์ในปีนี้และเริ่มมีการแข่งขันที่สูงขึ้น แม้ตั้งเป้าแนวราบเติบโตเด่นแต่ปีนี้ ORI ตั้งเป้าโดยรวมทั้ง New Launch และ Presales ทรงตัว การเติบโตของกำไรสุทธิแม้ได้แรงหนุนจาก Backlog และรายได้อื่นแต่คาดจะเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปีของ ORI "เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ระบุ
ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิคราะห์ว่า ในปี 62 เปิดโครงการมูลค่า 26,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 20,000 ล้านบาท และแนวราบ 6 พันล้านบาท โดยบริษัทได้กลับมาเน้นโครงการแนวราบมากขึ้น จากปีก่อนที่มีการเปิดโครงการแนวราบเพียง 2,900 ล้านบาท จากเดิมที่เน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมีเนียมเป็นหลัก
ORI มีข้อดีคือการมียอดขายรอโอน (Backlog) แข็งแกร่ง ปีนี้และปีหน้าเทียบกับประมาณการรายได้เป็น 76% และ 32% ตามลำดับ ถือว่าสูงเทียบกับอุตสาหกรรม ซึ่งได้มีการปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 9.20 บาท ด้วยระดับ P/E ปี 62 ที่ 7 เท่า จากเดิมที่ 8 เท่า แต่หากมองการเติบโตที่ 8% และ 13% ในปี 62-63 ตามลำดับ ถือว่าเป็นการเติบโตที่น่าพอใจ