นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง (FTE) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมปีนี้ 10% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 1,130 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 12-13%
ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) มูลค่าราว 400 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจัดจำหน่าย 130 ล้านบาท งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 270 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 80% ของมูลค่างานทั้งหมด โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างรอผลพิจารณางานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงเพิ่มเติมอีก 20 โครงการ มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท คาดว่าบริษัทจะได้รับงานอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานของทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง
ในปีนี้บริษัทจะเน้นการขยายฐานลูกค้างานรับเหมาออกแบบติดตั้งระบบฯ โดยเฉพาะการเจาะตลาดกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงไม่พึ่งพาฐานลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยบริษัทตั้งเป้ารับงานรับเหมาออกแบบติดตั้งระบบโรงงานเพิ่มเติมมูลค่ารวมประมาณ 200-300 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีเพียง 100 ล้านบาท และมีแผนจะนำเข้าสินค้าใหม่ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันด้วย
บริษัทยังเตรียมงบลงทุนราว 190 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างคลังสินค้าขนาดพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ตั้งอยู่ที่ถนนลาดกระบัง เพื่อรองรับการขนส่งสินค้านำเข้าจากท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังจังหวัดชลบุรี ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการจัดเก็บสินค้าให้มีประสิทธิภาพ และสามารถบริหารควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปีนี้ โดยงบลงทุนจะมาจากเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และกระแสเงินสดในกิจการ
"ภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง และยังมีความเสี่ยงเรื่องความล่าช้าของโครงการภาครัฐ ภาวะชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโดมิเนียม ซึ่งการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ ประกอบกับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัทดีขึ้น เชื่อว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโต และอัตราการทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ อีกทั้งสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง"นายทักษิณ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาให้ครอบคลุมภาคเหนือและภาคใต้เพิ่มเติม 2 แห่งที่จังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีความต้องการใช้อุปกรณ์ดับเพลิง ระบบดับเพลิง และระบบสัญญาณแจ้งเพลิงไหม้ โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนสาขาละ 2 ล้านบาท
พร้อมกันนั้นยังมองโอกาสการขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยจะเป็นการร่วมเข้าประมูลกับผู้ประกอบการที่เข้าไปรับงานรับเหมาก่อสร้างในประเทศนั้นๆ โดยปัจจุบันพันธมิตรของบริษัทอยู่ระหว่างเข้าประมูลงานราว 4-5 โครงการในประเทศเมียนมา และสปป.ลาว ส่วนการจะไปเปิดสาขานั้นคงยังไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เพราะยังต้องศึกษาตลาดให้รอบคอบก่อน