นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เป็นประธานใน พิธีแถลงข่าวร่วมระหว่างบมจ.ปตท. (PTT) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ประกาศความพร้อมรถโดยสารใช้น้ำมัน B20 โดยมีผู้บริหารของบริษัท ฮีโน่ มอเตอร์สเซลล์ (ประเทศไทย) และ บริษัท ตรีเพชร อีซูซุ เซลล์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำค่ายรถบรรทุกขนาดใหญ่ร่วมด้วย
นายศิริ กล่าวว่า จากปัญหาสถานการณ์น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ล้นตลาดและมีราคาตกต่ำ กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการพิจารณาเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์มในการผลิตไบโอดีเซลสำหรับภาคขนส่ง ตั้งแต่การเพิ่มสัดส่วนน้ำมันไบโอดีเซล สำหรับใช้ในรถยนต์ทั่วไปจากร้อยละ 6.6 เป็นร้อยละ 6.9 และการดำเนินการให้มีการจำหน่ายน้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมไบโอดีเซล ร้อยละ 20 สำหรับรถใหญ่ในสถานีบริการทั่วไป ซึ่งจะพร้อมจำหน่ายในเขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป เพื่อช่วยลดมลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่มีปริมาณสะสมสูงเกินค่ามาตรฐานในขณะนี้
โดยที่ผ่านมาได้มีการทดลองใช้น้ำมันดีเซลเกรดพิเศษ B20 กับรถ ขสมก. ซึ่งพบว่าไม่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงไม่แตกต่างกับการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วปกติ อีกทั้งยังทำให้ระบบเผาไหม้ของเครื่องยนต์สะอาด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการลดฝุ่นละอองจากท่อไอเสียของยานยนต์ สำหรับมาตรการระยะยาวเพื่อแก้ปัญหามลภาวะทางอากาศ กรมธุรกิจพลังงานได้ขอความร่วมมือให้โรงกลั่นน้ำมันภายในประเทศจัดทำแผนปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพน้ำมัน EURO4 (ค่ากำมะถันไม่เกิน 50 ppm) เป็นมาตรฐาน EURO5 (ค่ากำมะถันไม่เกิน 10 ppm) ซึ่งจะช่วยให้การเผาไหม้เครื่องยนต์สะอาดมากขึ้น
ล่าสุดกระกรมธุรกิจพลังงานประกาศสเปกน้ำมัน B20 เพื่อจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันทั่วไปตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.นี้ เพื่อช่วยลดมลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่มีปริมาณสะสมสูงเกินค่ามาตรฐาน โดยวันที่ 1 ก.พ.นี้ จะเปิดนำร่องในสถานีบริการน้ำมันปตท. และบางจาก รวม 10 แห่ง นอกจากนี้กรทะรวงพลังงานยังมีมาตรการระยะยาว โดยเตรียมประกาศใช้น้ำมันมาตรฐาน EURO5 ซึ่งจะต้องหารือกับผู้ผลิตน้ำมันและค่ายรถยนต์ถึงการเตรียมความพร้อมก่อน
ด้านนายอาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดออกมาตรการเพื่อบรรเทาสถานการณ์ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 เกินมาตรฐานโดยเร่งด่วน เริ่มจากให้กรมการขนส่งทางบก จัดทีมตรวจสภาพรถ ขสมก. โดยต้องไม่เกิดปัญหาควันดำโดยเด็ดขาด ให้ ขสมก. ปรับเครื่องยนต์โดยสารทุกคันให้ใช้น้ำมันไบโอดีเซล B20 เพื่อลดมลพิษจำนวน 2,075 คัน รวมถึงเร่งประสานขอรับรถ NGV ในส่วนที่เหลืออีก 119 คัน เพื่อให้บริการประชาชนและเร่งจัดหารถที่ใช้พลังงานสะอาด ประกอบด้วย รถโดยสาร NGV รถไฮบริด รถไฟฟ้า (EV) เพื่อแก้ปัญหาต่อเนื่อง ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เข้มงวดมาตรการลดฝุ่นละอองในพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 โครงการ ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย แก้ปัญหาฝุ่นละอองหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ ด้านกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ให้เข้มงวดตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม และให้กรมเจ้าท่า ประสานผู้ประกอบการขนส่งทางน้ำให้ตรวจสอบการใช้เครื่องยนต์เรือโดยสาร
ส่วนการทดสอบใช้น้ำมัน B10 ในรถไฟ ที่ปตท.ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในบางเส้นทางตั้งแต่ปี 2561 พบว่าได้ผลดี ซึ่งกระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมเพื่อขยายไปยังรถไฟดีเซลเส้นทางอื่น ๆ ต่อไป
นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์กร รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ขสมก.ดำเนินการตามนโยบายกระทรวงพลังงานและกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการสนับสนุนการใช้น้ำมันปาล์มภายในประเทศ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม และลดฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน โดยเมื่อช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ขสมก. ได้ทดลองใช้น้ำมัน B20 กับรถโดยสารธรรมดา จำนวน 17 คัน พบว่าเครื่องยนต์สามารถทำงานได้ตามปกติ และมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซล B7 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันขสมก. จึงได้มีแผนนำน้ำมันดีเซล B20 มาใช้กับรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 2,075 คัน แบ่งเป็น 2 ระยะคือ ระยะที่ 1 ใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารธรรมดา จำนวน 815 คัน เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา และระยะที่ 2 ใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 1,260 คัน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ PTT กล่าวว่า ปตท. ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนมาตรการภาครัฐ สนับสนุนการใช้น้ำมันปาล์มภายในประเทศ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม อีกทั้งแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินมาตรฐาน โดยในกลุ่มเชื้อเพลิงรถโดยสารสาธารณะขนาดใหญ่ ปตท. มีความพร้อมในการจัดหาและขนส่งน้ำมัน B20 ซึ่งเป็นน้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ในสัดส่วนร้อยละ 20 ให้กับรถโดยสารสาธารณะของ ขสมก. จำนวน 2,075 คัน ประมาณการใช้น้ำมันทั้งสิ้น 187,000 ลิตรต่อวัน สร้างเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมัน ช่วยเหลือเกษตรกรน้ำมันปาล์มได้อีกด้วย
สำหรับความพร้อมการปรับปรุงโรงกลั่นเป็นมาตรฐาน EURO5 นั้น กลุ่ม ปตท.มีความพร้อม แต่ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของค่ายรถยนต์ และรอกระทรวงพลังงานกำหนดนโยบายออกมาก่อน คาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลา 4-5 ปี