นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway up เนื่องจากตลาดฯยังมีแรงหนุนจากการเลือกตั้ง และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้เป็นแรงขับเคลื่อน Emerging Market แต่การปรับตัวขึ้นก็อยู่ในกรอบจำกัดหลังจากที่ได้ปรับขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว
นอกจากนี้ ยังต้องรอติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจีนพูดว่าจีนจะนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้เห็นความคืบหน้ามากขึ้น
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก โดยเริ่มมีบางตลาดฯปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีนกันแล้ว อย่างวันนี้ตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการ
พร้อมให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของไทย และยุโรป, ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเดือนม.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
พร้อมให้แนวับ 1,640-1,635 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650-1,660 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (31 ม.ค.62) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,999.67 จุด ลดลง 15.19 จุด (-0.06%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,704.10 จุด เพิ่มขึ้น 23.05 จุด (+0.86%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,281.74 จุด เพิ่มขึ้น 98.66 จุด (+1.37%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 23.54 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.08 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 13.21 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.05 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 250.81 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 31.17 จุด
ส่วนตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ (1 ก.พ.) เนื่องในวันเปิดให้ชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์เท่านั้น ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันประกาศอิสรภาพ (Federal Territory Day)
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 ม.ค.62) 1,641.73 จุด เพิ่มขึ้น 9.13 จุด (+0.56%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,309.87 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ม.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (31 ม.ค.62) ปิดที่ 53.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 ม.ค.62) ที่ 2.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.25 ธุรกรรมเบาบาง ตลาดรอปัจจัยใหม่ มองกรอบวันนี้ 31.25-31.40
- ธปท.เกาะติดผลกระทบฝุ่นใกล้ชิด ชี้อุตฯท่องเที่ยว หวั่นหากไม่ยุติโดยเร็ว ส่อกระทบท่องเที่ยว "อาคม" เพิ่ม 4 มาตรการเข้มฝุ่นตรวจจับรถควันดำ 6 จุดทั่วกรุงเทพฯ ปรับเกณฑ์ตรวจค่ามาตรฐานควันดำห้ามเกิน 30% ขยายเวลางดงานก่อสร้างรถไฟฟ้าถึง 15 ก.พ.นี้ "พลังงาน" รับลูก เรียกถก 6 โรงกลั่น ดันปรับมาตรฐานผลิตน้ำมันยูโร5 เสร็จก่อน 5 ปี เร่งแผนขายบี 20 นำร่อง 1 ก.พ.นี้
- แบงก์ชาติยอมรับเงินบาทแข็งเร็วเทียบภูมิภาค ชี้ผลจากทุนเคลื่อนย้ายไหลกลับ หลัง"เฟด"ส่งสัญญาณยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย เตรียมนำเข้าหารือในกนง. พร้อมระบุส่งออกปีนี้ส่อต่ำคาด เล็งทบทวนใหม่เดือนมี.ค.นี้
- คณะกรรมการคัดเลือกรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เดินหน้าเจรจา"ซีพี" อีกรอบวันนี้ ย้ำยังถกเงื่อนไขสัญญา 200 หน้า ยืนยันไม่รับ 8 ข้อเสนอ ซอง 4 ระบุแนบในร่างสัญญาเสนอ กพอ.พิจารณา "คณิศ"ขีดกรอบเจรจาเสร็จ ก.พ. ชี้ยังไม่ถึงเวลาดึง "บีเอสอาร์" เจรจา
- สบน. แจงโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนใช้แหล่งเงินกู้ในประเทศ 80% ของวงเงินรวม และกู้ต่างประเทศ 20% ขณะที่หนี้สาธารณะคงค้างสิ้นเดือน ธ.ค.อยู่ที่กว่า 6.8 ล้านล้านบาท สัดส่วนหนี้ในประเทศสูง 96%
- "ส.อ.ท." คาดอุตสาหกรรมเหล็ก ปี 2562 จะเติบโต 6% รับอานิสงส์การลงทุนเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ และการลงทุนจากเอกชนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ "อีอีซี" หวังดันการใช้เหล็กทะลุ 17 ล้านตันแต่ยังวิตกเศรษฐกิจจีนชะลอหวั่นเกิดฟองสบู่อสังหาฯ ด้านเหล็กรีดร้อนจ่อยื่นนายกฯเร็วๆ นี้ขอขยายเวลาใช้เซฟการ์ดที่จะสิ้นสุด 26 ก.พ.นี้
- ผู้ว่าการธปท. เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.2562 เป็นต้นไป ธปท.เปิดเสรีการประกอบธุรกิจโอนเงินระหว่างประเทศมากขึ้น โดยได้ผ่อนคลายคุณสมบัติของผู้ประกอบการจากเดิมคนไทยต้องมีสัดส่วนถือหุ้น 3 ใน 4 เหลือ 1 ใน 4 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่ ๆ สามารถเข้ามาให้บริการได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันที่มากขึ้น และจะช่วยลดค่าธรรมเนียมโดยรวมลง เพราะในปัจจุบันค่าธรรมเนียมการโอนเงินของประชาชนรายย่อยผ่านธนาคารพาณิชย์และตัวแทนโอนเงินโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7% แต่ในการโอนไปยังบางประเทศอาจสูงถึง 10% ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศในภูมิภาค
*หุ้นเด่นวันนี้
- THANI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10 บาท ปรับคาดการณ์กำไรปีนี้ขึ้นจาก 1.78 พันล้านบาท เป็น 1.82 พันล้านบาท +11%Y-Y จากการปรับลดรายการการตั้งสำรองฯลงเหลือ 0.65% จากคาดการณ์เดิมที่ 0.9% ของสินเชื่อ เพราะยอดสำรองทั่วไปฯรองรับเกณฑ์ IFRS9 ได้เพียงพอ และยังมีส่วนเกินรอการกลับรายการในอนาคตด้วย พร้อมคาดจ่ายปันผล 0.28 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 4%
- SCB (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 140 บาท ราคาหุ้นลดลงสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอในช่วง Q4/61 ไปแล้ว ขณะที่ราคายัง Laggard หากเทียบกับกลุ่ม
- PLAT (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 9.40 บาท คาดกำไร Q4/61 ชะลอตัว แต่จะกลับมาเติบโตสูงในปี 2562 เนื่องจากการเปิดโครงการ เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก เฟส 1 ในเดือน ก.พ. ซึ่งคาดอัตราเข้าเช่าไม่ต่ำกว่า 80% ผลประกอบการปี 2563-2565 ยังมีปัจจัยหนุนจากการเปิดโรงแรมที่สมุย และ Mixed use ที่เดอะ มาร์เก็ตฯ รวมทั้งการปรับขึ้นค่าเช่าอย่างมีนัยยะที่ เดอะ แพลทินัมฯ เนื่องจากการเปลี่ยนสัญญาเซ้งเป็นเช่าระยะสั้น
- GOLD (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 13.60 บาท แม้คาดว่าทิศทางผลประกอบการของ Q1/62 จะอ่อนตัวทั้ง YoY และ QoQ มองว่าราคาที่ลงมาสามารถเข้าสะสมได้ระยะยาว โดยคาดว่าทิศทางของ Q2/62 Presales จะดีขึ้นจากโครงการที่ได้รับการตอบรับดี และในปีนี้ยังคงมุมมองของรายได้ กำไรสุทธิ และ Presales ที่คาดว่าสามารถทำฐาน New Record High ได้ GOLD มีความโดดเด่นที่มี Asset Value ที่แข็งแกร่งและหนุนส่วน Recurring Income ให้แข็งแรง โดยเฉพาะการเปิดโครงการ สามย่าน มิตรทาวน์ ในปลายปี 2562