นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า กลุ่มปตท.มีแผนการลงทุนในพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ต่อเนื่อง ซึ่งในช่วง 5 ปีนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนปีละประมาณ 3-4 แสนล้านบาท โดยเฉพาะในส่วนของโครงการพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi) พื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง ซึ่งจะเกิดขึ้นแน่นอนในปีนี้ และจะเป็นการสร้างนวัตกรรมให้กับประเทศ รวมถึงยังศึกษาขยายไปสู่ธุรกิจโลจิสติกส์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปีนี้
สำหรับเงินลงทุนของ ปตท.ในปีนี้จะอยู่ที่ราว 1.3 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการขยายงานในธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีก เป็นต้น
นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในช่วง 4 ปีนี้ที่ราว 5.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ประมาณ 90% จะใช้ในโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project :CFP) ซึ่งจะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันเป็น 4 แสนบาร์เรล/วัน จาก 2.75 แสนบาร์เรล/วันในปัจจุบัน ซึ่งจะแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการในปี 66 สำหรับในปีนี้จะใช้เงินรวมปีนี้ราว 4 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ การปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทครั้งนี้สามารถรองรับการปรับคุณภาพน้ำมันได้ตามมาตรฐาน EURO V และก็พร้อมจะเร่งรัดให้เร็วขึ้นมาแล้วเสร็จในปี 65 ได้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้คุณภาพอากาศดีขึ้น
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทมีการลงทุนขนาดใหญ่ ได้แก่ โครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตโอเลฟินส์ (ORP: Olefins Reconfiguration Project) เป็นการก่อสร้างโครงการโอเลฟินส์แห่งใหม่ เริ่มผลิตภายในปี 63 มูลค่าลงทุนราว 3.6 หมื่นล้านบาท ,โครงการผลิตสารโพรพิลีน ออกไซด์ (Propylene Oxide Project) และ โครงการผลิตสารโพลีออลส์ (Polyols Project) หรือโครงการ PO/Polyols เป็นโครงการในสายโพลียูริเทน โดยทั้ง 2 โครงการมีมูลค่าลงทุนรวมกันประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาทคาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปี 63 ซึ่งเป็นลักษณะทยอยลงทุน
โดยในปีนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ต่อเนื่อง ราว 4 หมื่นล้านบาท ,การลงทุนในโรงงานรีไซเคิลขนาดราว 4 หมื่นตัน/ปี ใช้เงินลงทุนราว 3 พันล้านบาท และใช้ลงทุนในโครงการร่วมลงทุนกับพันธมิตร ราว 0.5-1 หมื่นล้านบาท
นายสุพัฒนพงษ์ เชื่อมั่นว่า การดำเนินงานในปี 63 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของบริษัท หลังโครงการขนาดใหญ่แล้วเสร็จ
นายนพดล ปิ่นสุภา เป็น กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทจะเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ชื่อ GDP (Power of Growth Power of Digital และ Power of People) ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทให้อยู่ระดับ Top Quartile ของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีในปี 63 ภายใต้โครงการ Everest forever ซึ่งเป็นโครงการที่จะดำเนินการต่อจากโครงการ EVEREST เพื่อเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรในทุกด้าน
ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายใช้งบลงทุนในช่วง 5 ปีที่ราว 7 หมื่นล้านบาท ใช้ในโครงการโครงการ Maximum Aromatics (MARS) ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อผลิตพาราไซลีน 1.1-1.3 ล้านตันต่อปี และผลิตเบนซีน 3-5 แสนตันต่อปี โครงการลงทุนซื้อกิจการ (M&A) เพื่อต่อยอดธุรกิจ, โครงการ Ultra Clean Fuel Project (UCF) การลงทุนรองรับการประกาศใช้น้ำมันดีเซลมาตรฐาน Euro V เป็นต้น
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนแผนการลงทุน หลังจะมีการลงทุนขนาดใหญ่ด้วยการจะเข้าซื้อกิจการ บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) มูลค่าไม่เกิน 1.4 แสนล้านบาทในปีนี้ เพื่อจะพิจารณาให้มีความสมดุลทั้งในส่วนรายได้และหนี้สิน เพื่อรองรับทิศทางการลงทุนใหม่ๆในอนาคต
สำหรับในปีนี้บริษัทก็คาดหวังการรับรู้รายได้ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง หลังบริษัทมีแผนเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ได้แก่ โรงไฟฟ้าน้ำลิก 1 (NL1PC) ขนาดกำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้า ไซยะบุรี (XPCL) กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ รวมทั้งโรงผลิตสาธารณูปการระยองแห่งที่ 4 (CUP-4) กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง และการรับรู้รายได้จากการเพิ่งเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 โครงการ กำลังผลิตรวม 39.5 เมกะวัตต์
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ของปตท. ในฐานะประธานกรรมการ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่สามารถให้ข้อมูลแผนงานต่างๆได้มากนักเพราะอยู่ระหว่างเตรียมการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
อย่างไรก็ตาม ในเชิงกลยุทธ์วางเป้าหมายที่จะรักษาการเติบโตของธุรกิจน้ำมันที่เป็นธุรกิจหลัก ,เร่งการเติบโตของธุรกิจนอนออยล์ และการขยายงานไปต่างประเทศที่มีอัตราการเติบโตดี และการดูแลสังคม ซึ่งการทำธุรกิจสถานีบริการน้ำมันจะเปลี่ยนจากรูปแบบ PTT Life Station ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกเภททุกวัย เป็น PTT Living Community เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมของชุมชน