นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะปรับตัวซิกแซกขึ้น แม้ว่ามูลค่าซื้อขายอาจจะเบาบางหลังจากหลายตลาดหุ้นในภูมิภาคปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน โดยตลาดได้รับปัจจัยบวกจากต่างประเทศ ที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนมีความคืบหน้าที่ดีขึ้น ขณะที่มีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้งผิงของจีน กำลังพิจารณาเรื่องการจัดประชุมร่วมกันในวันที่ 27-28 ก.พ.นี้ ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นยังเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดด้วย
นอกจากนี้ยังจะมีเม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่อง หลังจากในเดือนม.ค.นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิครั้งแรกในรอบ 16 เดือน และเชื่อว่าจะยังมีเข้ามาต่อเนื่อง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย และการเลือกตั้งในประเทศมีความชัดเจนมากขึ้น ประกอบกับค่าเงินบาทที่ค่อนข้างแข็งค่า จากดุลบัญชีสะพัดเกินดุลจากทั้งดุลการค้าและดุลบริการ ขณะที่นักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามามากขึ้น ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม อาจจะยังไม่เห็นเงินลงทุนจากต่างชาติเข้าในปริมาณที่มากนักในช่วงนี้ เนื่องจากปัจจัยภายนอกประเทศยังไม่ดีมากนัก และอาจจะยังรอให้มีผลการเลือกตั้งออกมาก่อน ทำให้การเคลื่อนไหวของดัชนีอาจจะไม่ปรับขึ้นมากเหมือนในช่วง 2 สัปดาห์ก่อน อีกทั้งตลาดก็ตอบรับเรื่องการเลือกตั้งไปพอสมควรแล้ว และนักลงทุนยังรอติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงนี้ด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,645 จุด และแนวต้าน 1,655-1,660 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ก.พ.62) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,063.89 จุด เพิ่มขึ้น 64.22 จุด (+0.26%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,706.53 จุด เพิ่มขึ้น 2.43 จุด (+0.09%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,263.87 จุด ลดลง 17.87 จุด (-0.25%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 43.51 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 54.68 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.68 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 15.44 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นไต้หวัน และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ (4 ก.พ.62) เนื่องในวันตรุษจีน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 ก.พ.62) 1,651.40 จุด เพิ่มขึ้น 9.67 จุด (+0.59%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 688.43 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ก.พ.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ก.พ.62) ปิดที่ 55.26 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ หรือ 2.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ก.พ.62) ที่ 2.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.29/32 แนวโน้มอ่อนค่า หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯหนุนดอลล์แข็ง มองกรอบวันนี้ 31.25-31.40
- โบรกเกอร์ แห่ลดเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ หลังผลดำเนินงาน บจ.ส่อทรุด "บัวหลวง" หั่นเหลือ 1,735 จุด ขณะ "ยูโอบี เคย์เฮียน" ส่อลดต่ำกว่า 1,800 จุด ผลจากกำไรบจ. 3 กลุ่มใหญ่ "พลังงาน-ปิโตร-แบงก์" ส่อวูบ ด้าน "ธนชาต" ประเมินเศรษฐกิจโลกชะลอกดดันกลุ่มแบงก์ ทั้งข่าวคุมค่ายา-เวชภัณฑ์ กดดันกลุ่มโรงพยาบาล
- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ฟันธงเดือนก.พ.แนวโน้มทุนนอกเริ่มไหลกลับ หลัง "เฟด" ส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย หนุนทุนเคลื่อนย้ายโยกเข้าเอเชีย ขณะภาพการเมืองไทยชัดเจนหลังกำหนดวันเลือกตั้ง ดึงดูดเม็ดเงิน ลงทุนต่างชาติ ด้าน "ทรีนีตี้" คาดปีนี้ ต่างชาติจ่อซื้อสุทธิ 8-9 หมื่นล้านบาท ด้านตลาดหุ้นไทยเดือนแรกปี 2562 ปรับตัวเพิ่ม 71.85 จุด ดัชนีกลับมาแตะระดับ 1,641 จุด พบสถาบันไล่เก็บหุ้นแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท ตามด้วยต่างชาติเข้าสะสมแล้ว 6.72 พันล้านบาท ส่วนรายย่อยปล่อยขาย 1.54 หมื่นล้านบาท
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย น่าจะคงอัตราดอกเบี้ย นโยบายที่ระดับ 1.75% ในการประชุมวันที่ 6 ก.พ. หลังจากที่ได้มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 19 ธ.ค.61 ที่ผ่านมา โดยติดตามประเมินพัฒนาการของเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ภาพการขยายตัวเศรษฐกิจไทยเริ่มมีสัญญาณชะลอลง
- กรมธุรกิจพลังงานเผยปี 61 ยอดใช้น้ำมันในประเทศโตเพิ่มขึ้น 3% จากปี 60 เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 154.4 ล้านลิตร สอดรับทิศทางเศรษฐกิจโตทั้งการท่องเที่ยวและส่งออก ดันนำเข้าน้ำมันดิบทั้งปีทะลุ 8.27 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 60 ถึง 2 แสนล้านบาท "ปตท." ครองแชมป์ส่วนแบ่งตลาดรวมสูงสุด คาดปีนี้การใช้โตต่อ 2-3%
- ประธานคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง (คปป.) กล่าวถึงกรณีอุตสาหกรรมภายใน ขอให้ขยายเวลาการใช้มาตรการปกป้อง (Safeguard: SG) สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่นๆ ต่อไปอีก 3 ปี หลังจากที่ให้ใช้มาตรการจะครบ 6 ปี ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ว่า คณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้องแล้วมีมติไม่ให้ขยายเวลาการบังคับใช้ต่อไป เหตุพบการนำเข้าลดลง อุตสาหกรรมภายในแข็งแรงขึ้น หากใช้ต่ออุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องส่อโดนหางเลข
*หุ้นเด่นวันนี้
- BAFS (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ" เป้า 40 บาท โดยคาดก่าไร 4Q61 ที่ 183 ล้านบาท +11% Y-Y ตามจ่านวนเที่ยวบินที่ยังโต 5% Y-Y ส่วนทั้งปี 2561 คาดจบที่ 1,052 ล้านบาท +8% Y-Y โดยการเปิดท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือปีนี้ ไม่น่ากังวลด้านค่าใช้จ่าย เพราะค่าเสื่อมฯและดอกเบี้ยจะค่อย ๆ ขึ้น แต่รายได้จะเร่งตัวมากว่า เนื่องจากค่าบริการต่ำกว่าการขนทางรถ 30% และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งภาครัฐฯก่าลังให้การสนับสนุน ด้านราคาหุ้นตอนนี้ซื้อขายบน PE2562 ที่ 22 เท่า แต่จะลดเหลือ 20 เท่าในปี 2563 ต่ำสุดในรอบ 5 ปี
- PTTEP (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) แนะ"Trading Buy" ราคาเป้าหมาย 150 บาท มีมุมมองเชิงบวกต่อราคาน้ำมัน คาดผ่านจุดต่ำสุดในระยะสั้นไปแล้ว พร้อมมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ PTT เตรียมเซ็นสัญญาซื้อ LNG จากโมซัมบิก โดยปัจจุบันโครงการ LNG ในโมซัมบิก (Rovuma Offshore Area 1) มีสัญญาซื้อขาย LNG ระยะยาว รวม 3 ล้านตันต่อปี (MTA) หลังจากในช่วงปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ได้เซ็นสัญญาเพิ่มอีก 1.5 MTA กับ CNOOC 13 xปี ขณะที่ PTT อยู่ระหว่างการขออนุญาตในการซื้อ LNG จากโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาที่อยู่ระหว่างเจรจาที่มีอยู่ในแผน PTTEP เชื่อว่ามีสัญญาซื้อขายเพียงพอที่จะนำเสนอเพื่อขอเงินกู้ และตัดสินใจลงทุนครั้งสุดท้ายในโครงการนี้ภายใน 1H62 ซึ่งเป็นปัจจัยหนุน PTTEP ในระยะถัดไปจากปริมาณสำรองที่จะสามารถบันทึกเข้ามาได้เพิ่มขึ้น
- THANI (แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์) แนะ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 10.40 บาท จากจุดเด่นเป็นหุ้น Growth Stock โดยยังชอบ THANI เพราะเป็นผู้นำสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก ที่มีประสบการณ์และมีศักยภาพเติบโตสูง ถือเป็นหุ้น Growth Stock ล่าสุดมี ROE สูงถึง 25.6% ขณะที่ปี 62 คาดกำไรยังโตต่อเนื่อง +8.5% YoY จากเป้าหมายและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ THANI จึงปรับ