นายณฐพงศ์ พินิตพงศ์กุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยบริติชซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง (TBSP) เปิดเผยว่า กลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจปี 62 บริษัทจะมุ่งเน้นสานต่อธุรกิจใหม่ต่อเนื่องจากปี 61 ที่ผ่านมา และรักษาฐานลูกค้าของธุรกิจเดิม ขณะเดียวกันบริษัทก็จะทุ่มเทเพื่อการวิจัยและพัฒนาร่วมกับคู่ค้า และแสวงหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจเพิ่ม
ทั้งนี้ ธุรกิจเดิมของบริษัท คือ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ แบบฟอร์มทางธุรกิจ และบัตรพลาสติกต่าง ๆ ซึ่งบริษัทฯ ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เบื้องต้น ประเมินว่าภาพรวมตลาดสิ่งพิมพ์ในปี 2562 น่าจะปรับตัวลดลง 5% อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ ในธุรกิจนี้คือภาคการเงิน และมีความต้องการจัดเก็บข้อมูลบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งบริษัทฯ สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ได้ จึงมองว่าโอกาสในการทำธุรกิจยังมี แต่จะไม่ใช่ธุรกิจที่มีกำไรสูงนัก
ขณะที่ธุรกิจใหม่ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจโซลูชั่นจัดการข้อมูลดิจิทัล (Digital Solution),ธุรกิจฉลากป้องกันการปลอมแปลง (Brand Protection Solution) และ ธุรกิจให้บริการจัดการด้านโรงงานอัจฉริยะ(Smart Factory & IoT) เป็นธุรกิจที่ต่อยอดจากธุรกิจเดิมที่บริษัทฯ ริเริ่มตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจ Brand Protection Solution โดยเบื้องต้น เชื่อว่าธุรกิจ Brand Protection Solution จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากปีที่แล้ว
"ความต้องการของลูกค้าในการใช้บริการ Brand Protection Solution จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 62 โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในธุรกิจเครื่องสำอาง ที่เริ่มเห็นสัญญาณความต้องการรวมถึงกลุ่มยาและเวชภัณฑ์เช่นเดียวกัน เนื่องจากบริการ Brand Protection Solution สามารถช่วยลูกค้าแก้ปัญหาเรื่องการถูกละเมิดหรือปลอมแปลงลิขสิทธิ์ อีกทั้งยังช่วยเก็บข้อมูลที่ลูกค้าต้องการ เอื้อให้ลูกค้าใช้ประโยชน์สูงสุดจากการจัดเก็บบิ๊กดาต้า" นายณฐพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ ในปี 62 บริษัทจะมีการร่วมมือกับคู่ค้าธุรกิจที่มีศักยภาพต่างๆ เพื่อวิจัยและพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะมาเสริมบริการที่บริษัทมีอยู่เดิม รวมถึงสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจด้วยเช่นกัน
นายณฐพงศ์ กล่าวเพิ่มว่า ปี 62 เป็นปีที่บริษัทอยู่ในช่วงของการปรับเปลี่ยนและพัฒนารูปแบบธุรกิจให้เหมาะสมกับความต้องการลูกค้า โดยบริษัทเริ่มปรับตัวตั้งแต่ปี 61 ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ จึงเชื่อมั่นว่าปี 62 นี้ ศักยภาพการทำกำไรของบริษัทจะดีขึ้น โดยธุรกิจใหม่นั้น มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25-28% ขณะที่ธุรกิจเดิมนั้นมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 15-18%
สำหรับแนวโน้มภาพรวมผลประกอบการทั้งปี 61 เป็นไปตามภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวไม่มาก ภาครัฐและเอกชนไม่ค่อยมีการลงทุนหรือทำกิจกรรมมากนัก อีกทั้งยังมีเรื่องของการปรับเปลี่ยนทางเทคโนโลยี แต่เชื่อว่าปี 62 ผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่บริษัท เร่งพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาตลอดทั้งปีที่ผ่านมา