บมจ.เอแคป แอ๊ดไอเซอรี่ (ACAP) คาดภายในเดือน ก.พ.นี้ จะได้ข้อยุติการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับสถาบันการเงินจากประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 20 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 7 บาท โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาเนื่องจากมีเงื่อนไขบางประการที่ยังตกลงกันไม่ได้ ซึ่งเลื่อนมาจากก่อนหน้าที่คาดว่าจะสรุปได้ในเดือนธ.ค.50
"ผมตั้งใจจะคุยกับเขาในเดือนธ.ค.แต่มันไม่จบ พอมาต้นปีเขาก็โทรมาคุย แต่ก็ยังเจรจาไม่เสร็จ เพราะมีเงื่อนไขบางประการที่เรารับไม่ได้ ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลได้ภายในเดือนนี้ อย่างช้าไม่เกินเดือนก.พ.ไม่อย่างนั้นผมคงต้องมาพิจารณาทบทวนใหม่" นายศฤงคาร สุทัศน์ชูโต กรรมการ ACAP กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายศฤงคาร เปิดเผยว่า มีผู้สนใจหลายรายติดต่อแสดงความจำนงและยื่นเงื่อนไขที่จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนเข้ามาในจำนวนมากกว่าหุ้นที่บริษัทจัดสรรไว้ แต่บริษัทฯ ยังไม่ได้เจรจากับรายอื่นนอกจากสถาบันการเงินจากประเทศสหรัฐรายนี้ โดยสถาบันการเงินที่สนใจและติดต่อเข้ามาในขณะนี้ มีสถาบันการเงินระหว่างประเทศในระดับโลกด้วย
ทั้งนี้ โดยหลักการแล้ว บริษัทตั้งใจจะขายให้กับผู้ที่สนใจประมาณ 4-5 ราย เพราะมีหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) เหลือที่จะขายอีก 75 ล้านหุ้น และแต่ละรายจะถือหุ้นได้ไม่เกิน 25% หลังจากเพิ่มทุนแล้ว
*คาดบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มอีก 1.2 หมื่นลบ.
นายศฤงคาร กล่าวว่า สำหรับดีลการเจรจารับเป็นผู้บริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของธนาคารกสิกรไทย 2 กอง จากมอร์แกน สแตนเลย์ (Morgan Stanley) และธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาทนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจา หากสามารถเจรจาสำเร็จก็จะส่งผลให้สินทรัพย์ด้อยคุณภาพในพอร์ตของ ACAP เพิ่มเป็น 3.6-3.7 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนม.ค.นี้ เพราะสัญญาซื้อขายเซ็นไปแล้วตั้งแต่เดือนธ.ค.
"ผมมั่นใจว่าเราจะได้เป็นผู้บริหารพอร์ตนี้อย่างแน่นอน เพราะสัญญาซื้อขายก็เซ็นไปแล้ว และเราก็เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ซึ่งหลังจากเซ็นสัญญา เขามีเงื่อนไขในการจ่ายเงินกัน หลังจากนั้นเราก็ต้องเข้าไปบริหารแล้ว" นายศฤงคาร กล่าว
*มั่นใจปี 51 รายได้โตกว่า 100%
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 51 นาย บริษัทประมาณการรายได้ว่าจะไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 100% จากปี 50 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 480-500 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากรายได้ในการบริหารพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ 40% จากการปล่อยสินเชื่อจากการเข้าไปบริหารใน บริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด (CAP OK) 40% และจากการรับเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอีก 20%
"ต้นปีเราจะมีพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มอีก 1.2 หมื่นล้านบาท ไหนจะธุรกิจด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับบริษัทผู้ประกอบการต่างๆ อีก ที่ในเบื้องต้นมีเข้ามาแล้วกว่า 11 ดีล จากปีที่แล้วที่ค่อนข้างเงียบ และเมื่อรวมกับรายได้จาก CAP OK อีก ที่คาดว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 300-400 ล้านบาท แค่นี้รายได้ของบริษัทก็โตกว่า 100% แล้ว" นายศฤงคาร กล่าว
ล่าสุด บริษัทได้มีการเซ็นสัญญาเปิดสำนักงานสาขาที่มาเลเซียอย่างเป็นทางการ เพราะต้องการให้ธุรกิจที่มาเลเซียเดินหน้าไปก่อน 7-8 เดือน จึงจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในแถบนี้ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และในวันที่ 22 ม.ค.นี้บริษัทฯ ก็จะมีการเซ็นสัญญากู้ยืมเงินกับสถาบันการเงิน
นายศฤงคาร กล่าวว่า บริษัทได้ส่งตัวแทนเข้าไปนั่งบริหารงานใน CAP OKตั้งแต่ช่วงปลายปี 50ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาพรวมของธุรกิจใหม่ และจัดทำแผนงานธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือนจึงจะดำเนินงานได้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ทันกับงาน Money Expo ที่จะมีในช่วงเดือน พ.ค.ด้วย และบริษัทก็จะเริ่มรุกงานในการติดตามหนี้ของลูกค้าที่มีอยู่ในขณะนี้กว่า 3 แสนราย
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--