นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) เปิดเผยว่า บริษัทได้จับมือกับ Satang Pro ผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายสิทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) ที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการนำ JFIN Coin เข้าซื้อขายในตลาด Satang Pro อย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ก.พ. นี้
ทั้งนี้ Satang Pro หรือ บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เว็บไซต์ satang.pro (เดิมคือ TDAX.com) เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) ที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. โดยให้ความสำคัญต่อเรื่องความปลอดภัยของระบบ ซึ่งระบบหลังบ้านของที่นี่ใช้มาตรฐานสากลคือ "Multisig" ที่เน้นเรื่องความปลอดภัยในระดับสูง และยังได้ยื่นขอมาตรฐาน ISO 27001 ระบบสารสนเทศโลกด้านการดูแลความปลอดภัย ระบบซื้อขาย และเก็บสินทรัพย์ ดิจิทัลของลูกค้า เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจในความปลอดภัย และโปร่งใสของแพลตฟอร์ม Satang Pro อีกทั้งยังมีฝ่าย Customer Support พร้อมบริการและแก้ปัญหาให้ลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน สำหรับแผนการพัฒนาระบบสินเชื่อแบบดิจิทัลที่ไม่มีตัวกลาง (Decentralized Digital Lending Platform : DDLP) ของบริษัทสามารถเดินตามแผนที่วางไว้ได้ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาและคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มนำบล็อกเชนมาใช้ได้ตามแผนที่วางไว้ หรือก่อนกำหนดวันที่ 1 ต.ค. นี้ รวมถึงแพลตฟอร์ม "ป๋า" สินเชื่อออนไลน์แบบ Digital Lending Platform (DLP) เตรียมที่จะปรับโฉมใหม่ในเร็ว ๆนี้ และทำกิจกรรมทางการตลาดให้สามารถเข้าถึงผู้ที่มีความต้องการกู้เงินได้มากขึ้นด้วย
นายธนวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ถือว่าเป็นวันแรกในการนำ JFIN Coin เข้าเทรดในตลาด Satang Pro อย่างเป็นทางการ โดยจากนี้บริษัทก็มีความตั้งใจที่จะนำเหรียญดิจิทัลดังกล่าวเข้าเทรดในตลาดอื่น ๆ ในประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีอีก 2 ตลาด คือ บริษัท บิทคอยน์ จำกัด (BX) และบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BITKUB) และยังคาดหวังนำ JFIN Coin ไปเทรดในตลาดต่างประเทศด้วย เช่น ฮ่องกง,จีน,สิงคโปร์ เป็นต้น
ส่วนแผนการระดมทุนอีก 200 ล้านโทเคน บริษัทมองว่ายังต้องรอดูความต้องการใช้เหรียญ และดูสภาวะตลาดสกุลเงินดิจิทัลในขณะนั้น รวมถึงวัตถุประสงค์การใช้เงินควบคู่กันไป ซึ่งปัจจุบันราคา JFIN Coin อยู่ที่ระดับประมาณ 3.10 บาท โดยมีราคาเปิดการซื้อขายวันแรกอยู่ที่ 1.39 บาท
"แผนพัฒนา DDLP ของ JVC วันนี้ เราสามารถเดินตามแผนงานที่ระบุไว้ใน Roadmap ได้เป็นอย่างดี โดย JFIN Coin ย้ายเข้ามาเทรดใน Satang Pro วันนี้เป็นวันแรก และไม่หยุดนิ่ง ในการนำ JFIN Coin ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และนำไปเทรดบนกระดานซื้อขายอื่นๆ เพิ่มเติมอีกในอนาคต ขณะที่ทีมงานเร่งเดินหน้าพัฒนาระบบ และคาดว่าจะแล้วเสร็จได้ตามแผนที่วางไว้ " นายธนวัฒน์ กล่าว
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในปีนี้จะพลิกกลับมาเป็นบวก หรือมีกำไรสุทธิ จากปีก่อนมีผลขาดทุนอยู่ที่ 10 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายการลงทุนพัฒนาระบบ DDLP คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มนำระบบบล็อกเชนบางส่วนมาใช้ได้ในเดือน มิ.ย.นี้ และจะใช้ระบบบล็อกเชนอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 1 ต.ค.62 ตามแผน ทำให้บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้และกำไรสุทธิเข้ามาเป็นปีแรก และในปี 63 ก็จะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี ซึ่งบริษัทยังคงแผนยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ในปี 63 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 64
สำหรับการนำแพลตฟอร์ม "ป๋า" สินเชื่อออนไลน์แบบ DLP บริษัทจะมีการพัฒนาฟังก์ชันให้ดีขึ้น เช่น สามารถบอกตัวตนของคนกลุ่มนี้ได้ว่าเหมาะกับสินเชื่อประเภทไหน อีกทั้งจะทำกิจกรรมทางการตลาดมากขึ้น โดยวางงบลงทุนไว้ประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อขยายฐานลูกค้าจากการจับมือกับพาร์ทเนอร์มากขึ้น ขณะที่ก็ตั้งเป้าจะมีการปล่อยกู้ผ่านแพลตฟอร์ม ป๋า เพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีการปล่อยกู้ผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าวหลัก 10 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ "VFIN" หรือแอพพลิเคชั่นการประมูลด้วยสกุลเงินดิจิทัลครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยเหรียญ JFIN Coin ในงาน Thailand Mobile Expo วันที่ 7 ก.พ.นี้ โดยภายในงานจะมีสินค้าที่จะนำมาเปิดตัวประมูล ได้แก่ รูป SSR ของ BNK48 , โปสเตอร์ของ Siam Dream เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตการประมูลดังกล่าวกับกรมการปกครอง แต่เชื่อว่าจะได้รับใบอนุญาตได้ทันกำหนด
พร้อมกันนี้ การเปิดตัว VFIN ดังกล่าว จะเป็นการสร้างความต้องการใช้เหรียญ JFIN Coin ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และนอกจากนั้นจะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือของสินค้า เนื่องจากจะมีการบันทึกข้อมูลชื่อเจ้าของสินค้าในระบบบล็อกเชน เพื่อให้ผู้ที่สนใจประมูลมีความแน่ใจว่าเป็นสินค้าจริง ซึ่งมองว่าในอนาคตจะได้รับความนิยมมากขึ้น